“ซิซซ์เล่อร์” ชูจุดขายปี 64 เน้นปรับตัวไวรับยุคนิวนอร์มอล พร้อมเปิดตัวหลากหลายเมนูสุขภาพ รับดีมานด์ตลาด

ซิซซ์เล่อร์ เปิดแนวทางธุรกิจปี 2564 ปรับตัวไวรับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปหลังยุคนิวนอร์มอล ผนวกกับ เทรนด์สุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยการงัดเอากลยุทธ์ทางการตลาดสร้างหลากหลายเมนูสุขภาพใหม่ ๆ สนองความต้องการและกระตุ้นให้เหล่าผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการที่ร้านมากขึ้น ประกอบกับการขยายสาขาซิซซ์เล่อร์ ทู โก เพื่อตอบรับกับเทรนด์ “แกร็บ แอนด์ โก” (Grab & Go) เพิ่มความสะดวกสบายและเข้าถึงง่ายต่อลูกค้า พร้อมพัฒนาเมนูให้ทันสมัยและหลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิ เมนูในช่วงโอกาสพิเศษต่าง ๆ เมนูอาหารฟิวชั่น เมนูทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับ ซิซซ์เล่อร์ ทู โก ตลอดไปจนถึง เมนูเครื่องดื่มสุขภาพ โดยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะส่งผลให้แบรนด์เติบโตจากปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง

นายกรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ใน เครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ กล่าวว่า ในปีนี้ ซิซซ์เล่อร์ ได้มีการปรับตัวอีกครั้งเพื่อขานรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไปหลังยุคนิวนอร์มอล ผนวกกับ เทรนด์สุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง พร้อมตอกย้ำความเป็นหนึ่งด้านอาหารเพื่อสุขภาพ โดยตั้งเป้าพัฒนาหลากหลายเมนูอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพออกมารองรับกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งยังเป็นการดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการที่ซิซซ์เล่อร์อย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน ซิซซ์เล่อร์ ก็ได้มีการปรับตัวขยายสาขาซิซซ์เล่อร์ ทู โก เพิ่มขึ้น โดยล่าสุดได้เปิดตัว “ซิซซ์เล่อร์ ทู โก สาขา รพ. กรุงเทพ” เพื่อให้กลุ่มผู้บริโภคเข้าถึงซิซซ์เล่อร์ได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ซิซซ์เล่อร์ เองก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาด้านบริการเดลิเวอรี่อย่างต่อเนื่อง เพื่อจับกลุ่มคนรักสุขภาพ พร้อมตั้งเป้าให้ซิซซ์เล่อร์เป็นตัวเลือกอาหารสุขภาพสำหรับผู้บริโภคในทุกมื้ออาหารของวัน โดยจากข้อมูลพบว่าคนไทยหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นถึง 68.10% และหนึ่งในสิ่งที่คนไทยใส่ใจด้านสุขภาพเป็นพิเศษ คืออาหารการกิน ที่คิดเป็น 68.52% (ที่มา: สวนดุสิตโพล, 2563) ทั้งยังพบว่าคนยุคมิลเลนเนียลและเจนวายก็ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นอีกด้วย และ ซิซซ์เล่อร์ คาดว่าการปรับตัวในครั้งนี้ จะส่งผลให้แบรนด์เติบโตจากปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน นางนงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด ใน เครือ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการร้านอาหารภายใต้แบรนด์ ซิซซ์เล่อร์ กล่าวว่า ในส่วนของแนวทางการพัฒนาเมนูของ “ซิซซ์เล่อร์” และ “ซิซซ์เล่อร์ ทู โก”  ในปี 2564 จะมุ่งเน้นไปที่ความทันสมัยและความแปลกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงให้ความสำคัญกับคุณค่าทางโภชนาการมาเป็นอันดับแรก สะท้อนให้เห็นได้จากช่วงต้นปีที่ผ่านมาที่ ซิซซ์เล่อร์ ได้มีการเปิดตัวเมนูท้องถิ่นอย่าง “สเต๊กใต้ฟิวชั่น” ภายใต้เมนูพิเศษ “ชุดสุดคุ้มอิ่มเว่อร์” (Value Meal) ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างสเต๊กคุณภาพจาก ซิซซ์เล่อร์ และ รสชาติเอกลักษณ์ท้องถิ่นของไทย สร้างความแปลกใหม่ให้กับเหล่าผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้จะมีการปรับเอาเมนูซิกเนเจอร์ของ ซิซซ์เล่อร์ ขยายสู่ ร้านซิซซ์เล่อร์ ทู โก อย่าง เมนูสลัดบาร์ ทู สลัดโบวล์ (Salad Bar to Salad Bowl) ซึ่งเป็นการเปิดให้ลูกค้าซิซซ์เล่อร์ ทู โก เลือกวัตถุดิบในจานสลัดของตัวเองได้ตามใจชอบเหมือนการเดินตักสลัดเองที่ร้าน และ เมนูสเต๊กบอกซ์ (Steak Box) ที่นำเอาเมนูซิกเนเจอร์ของซิซซ์เล่อร์มาปรับให้อยู่ในรูปแบบเมนูข้าวกล่องสะดวกต่อการพกพา รวมถึงเมนูจานเดียว (Single Meal) ในรูปแบบใหม่ ๆ ให้ผู้บริโภคได้สุขภาพครบจบในจานเดียว อาทิ เมนูโปเกโบวล์ (Poke Bowl) เมนูข้าวคลุกกับผักนานาชนิดเข้ากันได้อย่างลงตัวกับซอสหลากหลายรสชาติ โดยทั้งสามเมนูใหม่ของซิซซ์เล่อร์ ทู โก จะนำร่องขายที่ ซิซซ์เล่อร์ ทู โก สาขา รพ. กรุงเทพ เป็นแห่งแรกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ซิซซ์เล่อร์ ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับอาหารสุขภาพ แต่ยังครอบคลุมไปถึง เมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ภายในร้านอีกด้วย ซึ่งล่าสุด ซิซซ์เล่อร์ ก็ได้มีการออกเมนูเครื่องดื่มใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เมนูสมูธตี้ เฮลท์ตี้ รีเฟรชเชอร์ (Healthy Refresher) อย่าง แอปเปิ้ลฝรั่งสมูธตี้ และ ส้มสัปปะรดสมูธตี้ โดยมีความพิเศษคือเป็นเมนูเครื่องดื่มสมูธตี้ที่ปราศจากน้ำตาลและอาศัยความหวานจากหญ้าหวานเข้ามาทดแทน และ เมนูน้ำผลไม้สกัดเย็น 100% น้ำผลไม้โคลด์เพลส (Cold-pressed Juice) ที่ได้มีการออกสามรสใหม่ ได้แก่ ทรอปิคอล เลิฟเวอร์ แทนเจอรีน ดรีม และ โกลด์เด้น ซันไรซ์ ซึ่งทั้งหมดเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำเทรนด์ด้านอาหารเพื่อสุขภาพของซิซซ์เล่อร์ ที่ได้มีการพัฒนาเฟ้นหาเมนูทางเลือกใหม่ ๆ สำหรับอาหารสุขภาพ ให้แก่ลูกค้าเสมอมา นางนงชนก กล่าวทิ้งท้าย