โรงพยาบาลวรรณสิริ (WANSIRI AESTHETIC HOSPITAL) ทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดตัวโรงพยาบาลความงามครบวงจรชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกระดับ “มาตรฐานใหม่แห่งความงาม” ให้การแพทย์ไทย ระดมทีมศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางของเมืองไทย ผสานกับเทคโนโลยีล้ำสมัยทุกมิติ เพื่อมอบประสบการณ์ความงามครบวงจร เน้นเจาะกลุ่มพรีเมี่ยมทั้งใน-ต่างประเทศ พร้อมสยายปีกตีตลาดจีน และ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม) ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อความงามสู่มาตรฐานสากล
นายแพทย์ศรัณย์ วรรณจำรัส กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการด้านการแพทย์ โรงพยาบาลวรรณสิริ
กล่าวว่า วรรณสิริ ก่อตั้งโดยการรวมตัวของทีมแพทย์มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ยึดมั่นปรัชญาการให้การรักษาที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานสากล เพื่อมอบประสบการณ์ความงามแบบครบวงจร ในราคาที่คุ้มค่า
คุ้มคุณภาพ โดยเป็นความตั้งใจในการสร้างโรงพยาบาลมาตรฐานที่ครบครัน ด้วยทีมอาจารย์แพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทางการแพทย์และธุรการกว่า 100 คน พร้อมเทคโนโลยีการแพทย์ล้ำสมัย โดยตั้งเป้าในการยกระดับมาตรฐานใหม่แห่งความงาม ให้เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งเป็นผู้นำในการบริการความงามครบวงจรชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายแพทย์ศรัณย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จุดเด่นของโรงพยาบาลวรรณสิริ คือ ศักยภาพการให้บริการความงามครบวงจร
ไม่ว่าจะเป็น การบริการที่เรามีทั้ง การดูแลรักษาผิวหน้า-การปรับรูปหน้า, การปรับรูปร่าง-กระชับหุ่น-ดูดไขมัน,
การศัลยกรรมทรวงอก, นรีเวช, ฮอร์โมน, จุดซ่อนเร้น, บริการดูแลสุขภาพ และเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ดูแลได้ถึงระดับเซลล์ ไปจนถึงการผ่าตัดแปลงเพศ (Transgender) ที่สามารถให้คำปรึกษาและดูแลได้ครบวงจร ตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ โดยทั้งหมด ดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และทีมศัลยกรรมตกแต่งมืออาชีพมากประสบการณ์ระดับประเทศ
“รวมทั้งบุคลากร ที่วรรณสิริ เรามี ศัลยแพทย์ผู้ทำหน้าที่ศัลยกรรม ต้องมีใบประกอบวิชาชีพจากสภาวิชาชีพแพทย์หรือแพทยสภา ซึ่งในประเทศไทยมีแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ยังแอคทีฟและมีประสบการณ์พอเพียง ประมาณการไม่เกิน 300 ท่านเท่านั้น ยังต้องมีการพัฒนาในด้านบุคคลากรอีกมากในประเทศ
เพื่อก้าวขึ้นสู่ระดับโลกได้จริง โรงพยาบาลวรรณสิริของเราจะให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น โดยเรามีแนวทางการให้บริการด้วยการผสมผสานการรักษา โดยการร่วมมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านหลายหลากสาขาเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจที่สุด สามารถให้บริการความงามได้ครบวงจร ตลอดจนบริการการแพทย์ชั้นสูงอย่างการซ่อมสร้าง เป็นต้น”
นอกจากความพร้อม “ด้านเทคนิค” และ “บุคลากรทางการแพทย์” ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละแผนกแล้ว วรรณสิริยังโดดเด่นในด้านการผสมผสานเทคโนโลยีการแพทย์ทันสมัย อาทิ นวัตกรรมห้องผ่าตัด เราใช้โมดูลห้องผ่าตัดที่เป็นระบบพิเศษ สิทธิบัตรจากประเทศอังกฤษ หรือที่เรียกว่า Clean Room (คลีนรูม) ที่สั่งออกแบบเฉพาะที่โรงพยาบาลของเราเท่านั้น สามารถฆ่าเชื้อโรคในระดับสูง รวมไปถึง การใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่จะช่วยให้แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว ได้ผลลัพธ์ความงามที่น่าพึงพอใจ, การสร้างแบบจำลอง 3 มิติความละเอียดสูง เพื่อให้คำปรึกษาก่อนการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ, ระบบบริหารจัดการลงทะเบียน QR / Bluetooth, การประมวลผลภาพและเทคโนโลยี X-Ray ตลอดจนความใส่ใจในการให้ปรึกษาทุกขั้นตอน และการตรวจผลแล็บเชิงลึก
นายวนิก มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการแผนกพัฒนาธุรกิจ โรงพยาบาลวรรณสิริ เผยว่า จากปัจจัยบวกเชิงนโยบายจากภาครัฐ ทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ของไทยมีการขยายตัว แม้จะมีการหยุดชะงักไปบ้างจากสถานการณ์โควิด-19 แต่ประเทศไทยยังมีโอกาสกลับมาเติบโตในด้านนี้
ข้อมูลจาก International Society of Aesthetic Plastic Surgeons พบว่าในปี 2019 มีการทำศัลยกรรมตกแต่งเพิ่มขึ้นทั่วโลกกว่า 7.4% โดยผู้หญิงอายุ 35-50 ปีเป็นกลุ่มหลัก และมีการผ่าตัดหน้าอกจำนวนสูงที่สุด ตามด้วยการดูดไขมันปรับแต่งรูปร่าง และศัลยกรรมตา ในขณะที่ในประเทศไทยมีการผ่าตัด ตา และจมูก เป็นจำนวนสูงที่สุด และศัลยกรรมหน้าอกรองลงมา ในจำนวนนี้ประเทศไทยมีสัดส่วนผู้ทำศัลยกรรมที่มาจากต่างประเทศสูงที่สุดถึง 33.2% ตามด้วยเม็กซิโก และตุรกี แสดงถึงความนิยมและศักยภาพด้าน Medical Tourism โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมตกแต่ง โดยประเทศไทยเองมีการเติบโตของ Total Procedure ถึง มากกว่า 16% ในปี 2019
สำหรับปี 2020 นั้นสถิติรวมยังไม่ได้มีการแถลงการรวบรวมแต่มีการประมาณว่า Medical Tourism ที่ลดลงและผลกระทบจากการ Lockdown อาจทำให้ตัวเลขโดยรวมลดลง แต่จากการวิเคราะห์ของ American Society of Plastic Surgeons ระบุว่าแนวโน้มความนิยมในการทำศัลยกรรมตกแต่งยังคงพุ่งแรง เนื่องมาจากการขับเคลื่อนของ Social Media การประชุมผ่าน วิดีโอคอล และสื่อภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เป็นที่นิยม ทำให้ผู้คนต้องการปรับปรุงภาพลักษณ์ของตนมากขึ้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยวิเคราะห์ว่าการผ่อนคลายข้อจำกัดของ Medical Tourism และการกลับเข้าสู่ภาวะธุรกิจปกติที่แม้จะไม่รวดเร็ว แต่จะทำให้กลุ่ม โรงพยาบาลเอกชนมีรายได้เพิ่มสูงสุดประมาณถึง 4% ในปี 2021 และมีผู้ที่เข้ารับการรักษาที่เป็นชาวต่างชาติอาจมากได้ถึง 1.77 ล้านคนในปีนี้ การเติบโตของศัลยกรรมตกแต่งและความงาม จะอาศัยความต้องการภายในประเทศเป็นหลักในช่วงแรก โดยข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการว่ามูลค่าตลาดรวม อาจขึ้นได้ถึง 65,000 ล้านบาท และอาจใช้เวลาที่จะกลับมาในระดับปกติใน 2 – 3 ปี
จากจุดแข็งต่างๆ ของโรงพยาบาลวรรณสิริ ทำให้มั่นใจในศักยภาพการบุกตลาด เบื้องต้นเน้นกลุ่ม
พรีเมี่ยมที่ต้องการบริการศัลยกรรมคุณภาพ โดยมีความร่วมมือกับคลินิกเสริมความงามในประเทศและคลินิกเฉพาะทางในเกาหลีในการขยายฐานลูกค้า นอกเหนือจากฐานลูกค้าเดิมจากทีมแพทย์แต่ละท่าน ตลอดจนแผนการตลาดดิจิทัลต่างๆ
“นอกจากนั้น จากการที่เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขาแบบครบวงจร จึงถือเป็นความแข็งแกร่งของโรงพยาบาล เพราะแพทย์หลายท่านมีประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี เฉพาะศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางก็มีถึง 13 ท่าน มีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้วอย่างมากมาย รวมทั้งลูกค้าต่างชาติที่เคยบินมาศัลยกรรมกับแพทย์ท่านนั้นๆ โดยลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่มักศึกษาหาข้อมูลมาอย่างดีก่อนจะมาถึงมือแพทย์ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ คงไม่ลงทุนบินมา ประกอบกับแนวทางของโรงพยาบาลวรรณสิริมีความพิเศษอยู่ที่การผสมเทคนิคหลากหลาย ทำให้ผู้รับการรักษาใช้เวลาน้อย เจ็บน้อยหายไว ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน”
โรงพยาบาลวรรณสิริ (WANSIRI AESTHETIC HOSPITAL) มาตรฐานใหม่แห่งความงาม เป็นโรงพยาบาลความงามครบวงจรชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในย่านพระราม 3 มีจำนวน 1 อาคาร แบ่งเป็น 6 ชั้น
รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 5,700 ตารางเมตร รองรับการรักษาได้มากกว่า 30 เตียง สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง
เว็บไซต์ https://www.wansirihospital.com/ ,เฟซบุ๊ก: https://www.facebook.com/WansiriAestheticHospital และ อินสตาแกรม https://www.instagram.com/wansirihospital/ หรือติดต่อได้ทาง 02-249-8855