ศูนย์นวัตกรรมซิกน่า สหรัฐอเมริกา (Cigna’s Innovation Hub) ประสบความสำเร็จด้านการขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงนวัตกรรมในปีที่ผ่านมา ช่วยให้บริษัท ฯ ซิกน่าในเครือข่ายทั่วโลก สามารถมองเห็นถึงแนวทางในการดำเนินงานที่ชัดเจนมากขึ้น และสามารถนำกลยุทธ์ดังกล่าวไปปรับใช้เพื่อเสริมสร้างกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในปี 2021 เช่นเดียวกับ ซิกน่า ประเทศไทย ที่ได้นำกลยุทธ์เชิงนวัตกรรมมาปรับใช้ เกิดเป็นแพลตฟอร์ม Cigna Health Ecosystem เพื่ออำนวยความสะดวกสบายอย่างสูงที่สุดให้แก่ลูกค้า และเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในโลกปัจจุบัน โดย ซิกน่า ประเทศไทย ได้นำข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้ามาวิเคราะห์อย่างเจาะลึก เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการทางด้านสุขภาพเฉพาะบุคคลของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจรที่สุด
Cigna Health Ecosystem คือ โซลูชันบริการทางด้านสุขภาพแบบครบวงจรให้แก่ลูกค้าของซิกน่า โดยซิกน่าได้ศึกษาและนำข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้ามาวิเคราะห์อย่างละเอียดในแต่ละสภาวะสุขภาพ เพื่อหา pain point ของลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่ดีที่สุด โดยเริ่มต้นตั้งแต่สถานะแห่งการป้องกัน ไปจนถึงขั้นตอนแห่งการดูแลหลังพักฟื้น ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้
- Healthy:ซิกน่าดูแลลูกค้าตั้งแต่ช่วงที่สุขภาพยังแข็งแรงปกติ ผ่านการสร้างพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง
- At Risk:การช่วยตรวจจับและประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพของลูกค้า ผ่านแบบประเมิณความเสี่ยงHRA (health risk assessment program) เพื่อนำเสนอ wellness program อย่างเหมาะสมแก่ทุกไลฟสไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้า
- Chronic condition:การมอบความห่วงใยและการดูแลให้แก่ลูกค้า ผ่านการนำเสนอข้อมูลอันเป็นประโยชน์ เพื่อบรรเทาการเจ็บปวดจากอาการนั้น ๆ ด้วยตนเอง
- Treatment:การดูแลลูกค้าเพื่อให้ได้รับความสะดวกสบายในการเข้ารับการรักษาพยาบาลมากที่สุด
- Recovery:การติดตามอาการ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะกลับมามีสุขภาพที่ดีได้อย่างเดิม
ในส่วนของกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม ซิกน่ายังได้มุ่งความสำคัญไปที่ 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- ผู้คนซิกน่ามุ่งเน้นให้พนักงานทุกฝ่ายทำงานร่วมกัน โดยมีการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากฝ่ายต่าง ๆ ภายในองค์กรตั้งแต่ ฝ่ายขาย, ฝ่าย HR ไปจนถึงฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์และฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากซิกน่ามองว่า ความเห็นและการระดมความคิดจากทุกฝ่าย จะนำมาซึ่งไอเดียใหม่ ๆ และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ ต่อไปได้
- เทคโนโลยีซิกน่า สหรัฐอเมริกา ได้ลงทุนกับเทคโนโลยีและการพัฒนาโซลูชั่นใหม่ ๆ อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยี Internet of Things (ioT) และ เทคโนโลยี Natural language processing (NLP) เพื่อเตรียมพร้อมในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว
- พันธมิตรทางธุรกิจถือเป็น 1 ใน 4 กลยุทธ์เชิงนวัตกรรมของซิกน่า เนื่องจากซิกน่ามองว่า การทำร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัท ฯ สตาร์ทอัพ หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะช่วยขยายช่องทางให้ซิกน่าสามารถส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ข้อมูลถือเป็นองค์ประกอบสุดท้ายที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์เชิงนวัตกรรมของซิกน่า เนื่องจากข้อมูลต่าง ๆ จะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยความปลอดภัยของข้อมูลถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ซิกน่าให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ควบคู่ไปกับการดำเนินการเชิงดิจิทัล
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ซิกน่าได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพรูปแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบโดยอ้างอิงจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เพื่อสร้างความพึงพอใจ และตอบโจทย์ตรงตามความต้องการมากที่สุด โดยมีฟีเจอร์เด่นด้านการให้ความคุ้มครองทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแผนประกันสุขภาพ ‘Signature Care’ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย เหมาะกับทุกอาชีพและความต้องการ ทั้งในการความคุ้มครองและวงเงิน ไปจนถึงแผนประกันภัยระดับพรีเมี่ยม ‘Cigna Global Health Thailand’ ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 150 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้ลูกค้าระดับผู้บริหารและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย หรือผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ ได้รับสิทธิ์ความคุ้มครองอย่างสูงที่สุด
ในปีนี้ ซิกน่ามุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพ เพื่อดูแลผู้คนทั่วโลกให้มีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเข้าถึงความต้องการ เข้าใจพฤติกรรม และสร้างโซลูชันในการจัดการกับปัญหาสุขภาพของลูกค้าชาวไทยได้อย่างครบวงจร สิ่งนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญต่อกลยุทธ์เชิงดิจิทัล ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการบ่งบอกข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมและความชอบของลูกค้าได้อย่างละเอียดและครบถ้วนมากขึ้น
สำหรับลูกค้าที่สนใจแผนประกันสุขภาพส่วนบุคคล Signature Care ของซิกน่า ที่ให้ความคุ้มครองได้แบบครบจบในแผนเดียว พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ 2 ต่อสุดคุ้ม ต่อที่ 1 ทุก ๆ การชำระค่าเบี้ย 10,000 บาท รับ Central E-voucher Card มูลค่า 1,500 บาท ต่อกรมธรรม์ ต่อที่ 2 ลูกค้าสามารถแบ่งชำระค่าเบี้ยผ่านบัตรเครดิต 0% ได้นานสูงสุดถึง 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. – 15 เม.ย. 2564 เท่านั้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2OBtOX5