ซัมซุงเปิดวิสัยทัศน์อันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

Future environmental conservation and sustainable ESG modernization development by using technology of renewable resources to reduce pollution and carbon emission .

จากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่ถูกจัดทำขึ้นในปี 2558 ว่าด้วยเรื่องความร่วมมือในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส หรือดีที่สุดคือไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสนั้น ซึ่งที่ผ่านมา จากหลากหลายเหตุการณ์ที่บ่งชี้ว่าอุณหภูมิของโลกกำลังเพิ่มขึ้น ทั้งภัยแล้งและพายุไต้ฝุ่น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต่างได้ข้อสรุปว่าทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น

เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขวิกฤตโลกนี้ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จึงได้มุ่งมั่นที่จะคิดค้นวิธีการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในทุกภาคส่วนของการดำเนินธุรกิจในในรูปแบบเป็นมัตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ผู้คนได้รับสิ่งที่ดีขึ้นและสร้างความยั่งยืนต่อไปในอนาคต

พลังงานหมุนเวียน 100% ในอเมริกา จีน และยุโรป

ในเดือนมิถุนายน 2561 ซัมซุงได้ให้คำมั่นสัญญาว่าภายในปี 2563 พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ในฐานการผลิตของซัมซุง ณ สหรัฐอเมริกา จีน และยุโรปจะนำมาจากพลังงานหมุนเวียนเพียงอย่างเดียว ด้วยความพยายามที่ไม่หยุดยั้งทำให้ซัมซุงใช้พลังงานหมุนเวียนในกระบวนการผลิตสูงถึง 92% ในปี 2562 ตามมาด้วยการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในฐานการผลิตทั้งหมด 100% ในปีถัดมา ซึ่งซัมซุงยังตั้งมั่นที่จะผลักดันการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในฐานการผลิตต่างๆ ในทุกภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงในประเทศเกาหลีใต้ด้วย

แผงโซลาร์เซลล์บนลานจอดรถของซัมซุงในเมืองซูวอนและเมืองกีฮึง ประเทศเกาหลีใต้

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทซัมซุงในเมืองซูวอน กีฮึง และพย็องแท็ก ประเทศเกาหลีใต้ยังได้ติดตั้งอุปกรณ์ผลิตพลังงานทดแทนในบริเวณบริษัท อาทิ ลานจอดรถ อาคาร หลังคา และเขตก่อสร้างใหม่ เพื่อนำเอาพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานความร้อนใต้พิภพมาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้า ซัมซุงยังได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเฉพาะในแต่ละภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการจัดซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate – REC) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Renewable Power Purchase Agreement – PPA)  อาทิ การทำสัญญาจัดเตรียมพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Supply Contract)กับบริษัทผู้ผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศอินเดีย รวมถึงการซื้อใบรับรองพลังงานหมุนเวียนในประเทศเม็กซิโก และการกำหนดเปอร์เซ็นต์ของปริมาณพลังงานหมุนเวียนที่จะใช้ในฐานการผลิตในประเทศบราซิล

ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน

ในปี 2551 ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้เริ่มจัดการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมกับหลากหลายภาคธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงาน ด้วยการแบ่งปันความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งทีมงานของบริษัทได้ร่วมคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้พลังงานน้อยที่สุด โดยผลลัพธ์ที่ได้ส่งผลให้บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติประหยัดพลังงานสูงสุดได้สำเร็จ

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ได้เปิดตัวไลน์อัพทีวีซีรีส์ใหม่ปี 2021 ในงาน The First Look และได้ประกาศถึงแผนดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งรวมไปถึงรีโมทโซลาร์เซลล์ และการใช้วัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (carbon footprints) จากผลิตภัณฑ์

ซัมซุงทีวี Neo QLED 2021 จะมาพร้อมกับรีโมทโซลาร์เซลล์ ที่สามารถชาร์จพลังงานได้จากแสงภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงสาย USB โดยนวัตกรรมนี้จะช่วยลดปริมาณการใช้ถ่าน AA ได้ถึง 99 ล้านก้อนตลอด 7 ปีซึ่งเป็นอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์[1] ซัมซุงยังมีความมุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ทีวีด้วยเปลี่ยนมาใช้พลาสติกรีไซเคิลกับผลิตภัณฑ์ รวมถึงใช้วัสดุรีไซเคิลบริเวณด้านหลังของจอภาพ พร้อมยังวางแผนที่จะขยายการใช้งานวัสดุรีไซเคิลนี้กับส่วนประกอบอื่นๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์จอภาพต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ จากความพยายามในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ทีวีทั้งหมดและผลิตภัณฑ์ Neo QLED ส่วนใหญ่ของปี 2021 ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ธุรกิจจอภาพของซัมซุงจึงได้ตั้งเป้าหมายว่าจะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 25,000 ตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซเรือนกระจกของต้นสนอายุ 30 ปีจำนวน 3.8 ล้านต้น[2]

การใช้งานสมาร์ทโฟนซัมซุงเป็นประจำทุกวัน ก็ถือเป็นการร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน เพราะสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตตระกูลกาแลคซี่ที่ผลิตตั้งแต่ 2559 เป็นต้นมา ได้ใช้วัสดุที่มีชื่อว่า ‘พอลิคีโทน (Polyketone)’ ซึ่งเป็นวัสดุที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนมอนอกไซด์ (ก๊าซเรือนกระจก) โดยเมื่อไม่นานมานี้ ซัมซุงยังได้นำพอลิคีโทนมาผลิตแท่นรองรับด้านข้างของสมาร์ทโฟนในตระกูลกาแลคซี่ S21 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วยจากการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบมินิมัลและเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิต ทำให้ Samsung Galaxy S21 ได้รับประกาศนียบัตรรับรองในเรื่องของ ‘การลดคาร์บอนไดออกไซด์’ จากองค์กร Carbon Trust[3]  ที่แสดงให้เห็นว่าปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่Galaxy S21 ปล่อยออกมานั้นน้อยลงเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

นอกจากนี้ ซัมซุงยังได้ลดการใช้พลังงานในโหมดสแตนด์บายของเครื่องชาร์จสำหรับสมาร์ทโฟนกาแลคซี่รุ่นแฟลกชิปตั้งแต่ปี 2555 เพื่อลดความสิ้นเปลืองพลังงาน และได้ขยายการดำเนินนโยบายที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมนี้สู่เครื่องชาร์จของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย โดยเป้าหมายปัจจุบันคือการลดการใช้พลังงานในโหมดสแตนด์บายของเครื่องชาร์จให้เหลือศูนย์

สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ซัมซุงยังเดินหน้าในการลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนือง โดยในปีนี้ เครื่องล้างจานของซัมซุง ในรุ่น DW80R9950UG และ DW80R7060UG ซึ่งวางจำหน่ายอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในเครื่องล้างจานที่ได้รับรางวัล Energy Star’s 2021 สาขาเครื่องล้างจานที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ตรงตามเกณฑ์การใช้พลังงานประจำปีว่าใช้พลังงานน้อยกว่า 240 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง (kWh) ต่อปี และใช้น้ำน้อยกว่า 3.2 แกลลอนต่อหนึ่งรอบการใช้งานสำหรับรุ่นขนาดมาตรฐาน ซึ่งหมายความว่าเครื่องล้างจานรุ่นนี้สามารถประหยัดพลังงานไปได้ถึง 67 kWh ต่อปี และประหยัดน้ำได้ถึง 387 แกลลอนต่อปีเมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ในรุ่นก่อนหน้า

ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ก็ดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 9 ตัว ซึ่งประกอบไปด้วย DRAM 4 ตัว Solid State Drive (SSD) 4 ตัว และ eStorage 2 ตัว ได้รับประกาศนียบัตร Product Carbon Footprint (PCF) จากองค์กร Carbon Trust รวมถึง หน่วยความจำ Embedded Universal Flash Storage (eUFS) 3.1 ขนาด 512 GB ยังเป็นที่รู้จักในฐานะหน่วยความจำแรกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่มีฉลากลดคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย

ซัมซุงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนนับตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงบรรจุภัณฑ์สำหรับ Portable SSD T7 Touch โดยการนำวัสดุเยื่อกระดาษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้แทนถาดพลาสติก ด้วยการลดการใช้บรรจุภัณฑ์ลงหนึ่งในสาม และแทนที่ถาดพลาสติกนั้นด้วยเยื่อกระดาษรวมถึงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดกระบวนการผลิต ทำให้ซัมซุงสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 84 ตัน

รางวัลและการยอมรับในเรื่องแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต

ตู้เย็นซัมซุงทั้ง 6 รุ่นที่วางจำหน่ายอยู่ในสหรัฐอเมริกาได้รับรางวัล 2020 ENERGY STAR สาขา Emerging Technology โดยองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ซึ่งในทุกๆปี องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมจะคัดเลือกหนึ่งถึงสองเทคโนโลยีเพื่อรับรางวัลนี้โดยในปี 2563 องค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมเล็งเห็นว่าตู้เย็นซัมซุงทั้ง 6 รุ่นนั้นผ่านเกณฑ์ตัดสินที่เข้มงวดทั้ง 3 ข้อ ได้แก่ (1) คอมเพรสเซอร์ที่ทรงประสิทธิภาพ (2) มีฉนวนในตัวเครื่องจักรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณต่ำ (3) สารทำความเย็นปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณต่ำ อินเวอร์เตอร์คอมเพรสเซอร์แบบดิจิตอลของซัมซุงใช้พลังงานน้อยกว่าคอมเพรสเซอร์แบบ Single-Speed Induction Motor ประมาณ 30% ซึ่งนำไปสู่การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ภาวะเรือนกระจกที่เกิดจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเพิ่มขึ้นทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่พบเห็นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ซึ่งซัมซุงจะทำหน้าที่ติดตามการสถานการณ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าในการใช้วัสดุและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียนต่อไป

นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงดำเนินนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าพวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าต่ำแต่ยังคงให้ประสิทธิภาพสูงที่สุด


[1] อายุการใช้งานเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ทีวีอยู่ที่ ปี

[2] อ้างอิงจากงานวิจัยภายใน

[3] องค์กร Carbon Trust คือองค์กรที่รับรองเกี่ยวกับการผลิตคาร์บอน ก่อตั้งโดยรัฐบาลอังกฤษในปี  2544 เพื่อมอบประกาศนียบัตรในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแก่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ผ่านการตรวจสอบการปล่อยคาร์บอนตลอดกระบวนการผลิตและได้รับการรับรองว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม