SABINA เผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 64 รายได้รวม 672.3 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสแรกปี 63 ซึ่งรายได้รวม 681.6 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 1.4% ขณะที่กำไรสุทธิ 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 78.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 70.4 ล้านบาท คิดเป็น 11.3% โดยยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโต 45.5% เผยปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่สอง มาจากการปรับกลยุทธ์ขายเดินหน้าเข้าหาลูกค้า พร้อมบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ยอมรับครึ่งปีหลังความท้าทายสูง แต่ยังเชื่อว่า เป้าหมายรายได้สิ้นปีนี้จะทำลายสถิติสูงสุดได้
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่า รายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้จะลดลงเล็กน้อยประมาณ 1.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่บริษัทฯ ยังคงมีความสามารถในการกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ถึง 11.3% แม้ว่า ช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่สอง ซึ่งมาจากคลัสเตอร์สมุทรสาคร โดยปัจจัยที่ทำให้ SABINA มีกำไรสุทธิเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น มาจากการปรับกลยุทธ์การหารายได้ และการบริหารค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้ของเราลดลงเล็กน้อย โดยรายได้ในเดือนมกราคมได้รับผลกระทบเนื่องจากโควิดระลอกสอง แต่เราปรับกลยุทธ์การหารายได้ด้วยการเข้าหาแหล่งชุมชนที่ยังมีการจับจ่ายใช้สอยจากการกระตุ้นผ่านโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ ขณะที่ในต่างจังหวัดยังไม่ได้รับผลกระทบจากระลอกสองมากนัก ทำให้ยอดขายกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในช่วงกุมภาพันธ์และมีนาคม พร้อมกันนี้ SABINA ยังได้นำเสนอสินค้าราคาพิเศษเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะเราต้องการให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ รวมถึงเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในระบบ ตลอดจนจัดการการใช้จ่ายงบประมาณทางการตลาดแบบใหม่ ทำให้กำไรสุทธิของเราเพิ่ม 11.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 47.6%” นายบุญชัยกล่าว
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้จากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ (NSR : Non Store Retailing) ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโต 45.5% ขณะที่ช่องทางค้าปลีก (Retail) เติบโตลดลง 9.3% ช่องทางส่งออก (Export) ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม) เติบโตเพิ่มขึ้น 4% และช่องทางรับผลิต (OEM) ในสหราชอาณาจักรและยุโรป ลดลง 14.3% โดยสัดส่วนรายได้จาก 4 ช่องทางจำหน่าย เมื่อเทียบกับรายได้รวมแล้วพบว่า ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้ช่องทางค้าปลีกลดลงจาก 69% ต่อรายได้รวมเหลือ 66% ขณะที่สัดส่วนรายได้ขายออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 19% เป็น 22% ส่งออกเพิ่มขึ้นจาก 3% เป็น 4% และ OEM ลดลงจาก 9% เหลือ 8%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า จากการคาดการณ์ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ คาดว่า ยอดขายในปีนี้จะมากกว่าในปี 2562 ซึ่งหมายถึงการทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์หรือมากกว่า 3,400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ก็ยังมีความหวังว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย จากการเร่งฉีดวัคซีนของภาคประชาชนให้เร็วขึ้น ซึ่งจะเรียกความมั่นใจของผู้บริโภคให้กลับมาได้เร็วขึ้น ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ผลประกอบการโดยรวมน่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน จากความรวดเร็วและการปรับตัวให้ทันกับกระแสความต้องการของตลาด ที่แนวคิดไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่า ลูกค้าต้องการอะไรเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมว่า ลูกค้ากังวลอะไรในภาวะการแพร่ระบาด ทำให้ SABINA ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยการทำแคมเปญซื้อชุดชั้นในแถมประกันภัยโควิด-19 และเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันแพ้วัคซีนหรือผลกระทบจากการรับวัคซีน ร่วมกับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งปรากฏว่า โครงการนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก
“สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี หรือในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะเป็นช่วงที่มีความท้าทายมากขึ้น แต่เราก็คาดหวังว่า ผู้บริโภคจะคิดถึงการออกมาช้อปปิ้งมากขึ้น หลังจากที่ต้องเก็บและระวังตัวจากการออกนอกบ้าน ซึ่งหากว่า ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 4 หรือ 5 มาซ้ำเติม เราก็เชื่อว่า เมื่อการกระจายวัคซีนทั่วถึง ผู้บริโภคมั่นใจมากขึ้น ก็จะโหยหาการออกมาจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านมากขึ้น และจะทำให้เป้าหมายในการทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ SABINA เป็นไปได้มากขึ้น” นายบุญชัยกล่าว