กลุ่ม TNR โชว์ผลงาน Q1/64 ทำสถิติสูงสุด กำไรสุทธิพุ่งแตะ 70 ล้านบาท

บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR ผลงานไตรมาส 1/64 ทำกำไรสุทธิ 70 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มไตรมาส คาดตลาดต่างประเทศได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการขยายตลาดผ่านเว็บอีคอมเมิร์ซในจีน ส่วนตลาดในประเทศขึ้นกับปัจจัยการแพร่ระบาดของ COVID19 ที่มีผลต่อการยกระดับมาตรการของภาครัฐ

นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 (ตามงบการเงินรวม) สามารถทำกำไรสุทธิทั้งสิ้น 70 ล้านบาท เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 434 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย และบริการ 363 ล้านบาท  

การเติบโตดังกล่าวเกิดจากยอดขายสินค้าถุงยางอนามัยจากกลุ่มธุรกิจสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (OBM) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่ากลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มธุรกิจงานประมูล (TENDER) โดยไตรมาสแรกสามารถทำยอดขายจากกลุ่มธุรกิจ OBM ทั้งสิ้น 68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 270% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากแบรนด์ PLAYBOY CONDOMS มียอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดหลัก และแบรนด์ ONETOUCHTM  มียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของความต้องการใช้ถุงยางอนามัย ขณะที่กลุ่มธุรกิจ OEM และ TENDER มียอดขายสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของ TNR ยังได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาทไทย ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

ขณะที่แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2564 สำหรับตลาดต่างประเทศคาดว่าจะได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลักของ PLAYBOY CONDOMS นอกจากช่องทางจำหน่ายในห้างวอลล์มาร์ท บริษัทฯ อยู่ในระหว่างเจรจากับคู่ค้ารายใหญ่ ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2564 รวมถึงการขยายตลาดผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำในประเทศจีน ส่วนตลาดในประเทศ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ การแพร่ระบาด COVID-19 ระลอกใหม่ โดยผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลให้ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภครวมไปถึงกระทบการต่อใช้ชีวิตประจำวันและพฤติกรรมการใช้ถุงยางที่อาจจะเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาด