เมื่อเร็วๆนี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และเจพีมอร์แกน เปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทยที่ต้องการฟื้นตัวจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 และต้องการสร้างศักยภาพในการปรับตัวของธุรกิจในระยะยาว โครงการซึ่งได้ประกาศเปิดตัวเป็นครั้งแรกในเดือนที่แล้ว พร้อมให้การสนับสนุนเจ้าของธุรกิจหญิงในประเทศมาเลเซียและฟิลิปปินส์ด้วยเช่นกัน
โครงการระยะเวลา 18 เดือน ชื่อว่า ‘พลิกฟื้นธุรกิจ: ส่งเสริมศักยภาพในการปรับตัวของธุรกิจ หลังวิกฤตโควิด-19 มุ่งเป้าที่ธุรกิจขนาดเล็กที่มีเจ้าของเป็นผู้หญิงในภาคการผลิต ภาคบริการ และกิจการค้าปลีก ในพื้นที่เขตเมือง ซึ่งกลุ่มธุรกิจทั้งหมดนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากข้อจำกัดต่างๆ อันเนื่องมาจากโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โครงการจะใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการหญิงเข้าถึงการบริการสนับสนุนที่สำคัญ อาทิ ทรัพยากรทางการเงิน การฝึกอบรม ข้อมูลด้านการตลาดและเครือข่าย
การเปิดตัวโครงการในประเทศไทยผ่านการประชุมออนไลน์ที่จัดขึ้นนั้น มีภาคีเชิงยุทธศาสตร์ของโครงการเข้าร่วม ได้แก่ ผู้แทนจากกระทรวงแรงงาน สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย สภาองค์การลูกจ้างสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย และสหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ในระหว่างการประชุม ผู้เข้าร่วมได้หารือเกี่ยวกับข้อค้นพบเบื้องต้นจากการศึกษาที่จัดทำโดยโครงการพลิกฟื้นธุรกิจฯ ในช่วงเดือนแรกของการดำเนินโครงการ จากการหารือ เป็นที่ชัดเจนว่าการให้ความช่วยเหลือที่ตรงกับความต้องการเพื่อช่วยผู้ประกอบการหญิงฟื้นตัวจากการระบาดใหญ่เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ทั่วถึงและการสร้างศักยภาพในการปรับตัวของธุรกิจในประเทศไทยในระยะยาว
“ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการหญิงในประเทศไทย เช่นเดียวกับทั่วโลก ในช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังดำเนินต่อไปนี้ ผู้ประกอบการหญิงต้องดิ้นรนเพื่อจัดการกับความรับผิดชอบในบ้านที่เพิ่มขึ้นจากการที่มีคนในครอบครัวที่ทำงานและเรียนที่บ้าน ในขณะเดียวกันก็ต้องพยุงให้ธุรกิจของตนอยู่รอดต่อไป จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดการฟื้นตัวที่เท่าเทียม คำนึงถึงมิติหญิงชาย และครอบคลุมทั่วถึง”
นายแกรม บัคเลย์ ผู้อำนวยการคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อการทำงานที่มีคุณค่าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก และสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศ ประจำประเทศไทย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กล่าวในการเปิดประชุม
“ความร่วมมือกับไอแอลโอครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า เจพีมอร์แกนมุ่งมั่นสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมการเข้าถึงที่ครอบคลุมทั่วถึงและเท่าเทียมในประเทศต่างๆที่เรามีการดำเนินกิจการ ณ เวลานี้ ธุรกิจต่างๆมีหน้าที่รับผิดชอบที่จะก้าวขึ้นมาช่วยแก้ปัญหาเร่งด่วนทั่วโลกมากกว่าที่ผ่านมา ผู้หญิงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการเติบโตของเศรษฐกิจ และเราต้องการช่วยให้ผู้ประกอบการหญิงฟื้นตัวจากผลกระทบอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสามารถเปลี่ยนไปใช้รุปแบบธุรกิจที่มีความยั่งยืน” นายอาจดนัย มาร์โค สุจริตกุล กรรมการผู้จัดการ เจพีมอร์แกน ประเทศไทย กล่าว
เกี่ยวกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ)
องค์การแรงงานระหว่างประเทศมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม และสิทธิมนุษยชนและสิทธิแรงงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยดำเนินตามพันธกิจของการก่อตั้งที่ความยุติธรรมทางสังคมมีความสำคัญต่อสันติภาพที่ยั่งยืนเป็นสากล ไอแอลโอ เป็นองค์กรไตรภาคีแห่งเดียวของสหประชาชาติ นับตั้งแต่ปี 2462 ไอแอลโอ ได้ประสานให้รัฐบาล นายจ้าง และลูกจ้างของ 187 รัฐสมาชิกได้ร่วมกันกำหนดมาตรฐานแรงงาน พัฒนานโยบายและจัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมงานที่มีคุณค่าสำหรับหญิงและชายทุกคน
เกี่ยวกับ เจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค
เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค. (ชื่อในตลาดหุ้นนิวยอร์ก: JPM) เป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลก ที่มีสินทรัพย์มูลค่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสาขาดำเนินการอยู่ทั่วโลก บริษัทเป็นผู้นำในด้านวาณิชธนกิจ บริการด้านการเงินสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจขนาดย่อม ธนาคารพาณิชย์ การประมวลรายการธุรกรรมทางการเงิน และการบริหารสินทรัพย์ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เข้าดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์และให้บริการดูแลลูกค้าหลายล้านราย ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ตั้งแต่บรรษัทที่มีชื่อเสียง บุคคลสำคัญในสถาบันระดับชาติและรัฐบาลต่างๆภายใต้ชื่อแบรนด์ของ เจพีมอร์แกน แอนด์ เชส รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ www.jpmorganchase.com