ยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับทุกสิ่ง ทุกๆ อุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ยิ่งโลกหมุนเร็วเท่าไหร่ ธุรกิจต้องหมุนตามให้ทัน มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเติบโตเท่าทันได้ ยิ่งเมืองไทยเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรม ยิ่งจำเป็นต้องอัพเกรดให้เข้ากับยุค 4.0 ให้ได้
ความเคลื่อนไหวที่สำคัญล่าสุดในวงการเทคโนโลยี และอุตสาหกรรม บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด และ บริษัท เอบีบี ออโตเมชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding: MOU) ในการนำ ABB Robotics และ ABB Remote Insights เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงโครงข่ายดีแทค และต่อยอดสู่ 5G โครงข่ายส่วนตัว (5G Private Network)
เท่ากับว่านี่คือกุญแจสำคัญที่กระตุ้นธุรกิจให้เดินหน้าการผลิตทุกวิกฤต แม้เจอโรคอุบัติใหม่ทำให้ต้องล็อกดาวน์จนธุรกิจสะดุด แต่ก็มีความพร้อมในการควบคุมการผลิตได้ทุกที่อย่างแม่นยำ และปลอดภัย พร้อมทำ Proof of Concept (POC) ทดสอบให้กลุ่มผู้ประกอบการพร้อมโซลูชั่นต่อยอดอุตสาหกรรม 4.0 อย่างยั่งยืนอีกด้วย
ราจีฟ บาวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจองค์กรและธุรกิจขนาดกลาง และขนาดเล็ก บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า
“ความท้าทายของอุตสาหกรรมไทย คือ การที่วันนี้ต้องเร่งนำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาปรับใช้เพื่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตครั้งใหญ่ และใช้การเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยีความเร็วสูง ซึ่งหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงรวมถึง 5G โครงข่ายส่วนตัว (5G Private Network) จะทำให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมไทย และก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน รวมถึงจะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนเลือกย้ายฐานการผลิตมาประเทศไทย เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับเอบีบี”
ทางด้าน เจียนอังเดร บรุซโซเน กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท เอบีบี ประเทศไทย กล่าวว่า
“พวกเรารู้สึกยินดีที่ได้เป็นพันธมิตรกับดีแทคร่วมผลักดันอุตสาหกรรมของไทย โดยเอบีบีเป็นผู้นำด้านหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ซอฟต์แวร์หุ่นยนต์ อุปกรณ์เสริมและแอปพลิเคชันในการใช้งาน และได้ให้บริการมากถึง 53 ประเทศทั่วโลก โดยปัจจุบันเราได้ติดตั้งหุ่นยนต์อุตสาหกรรมไปแล้วมากกว่า 500,000 โซลูชั่น โดยเอบีบีมีความเชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกับความความร่วมมือในครั้งนี้ที่ต้องการใช้ศักยภาพของเครือข่าย dtac 4G/5G ในการร่วมขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 ผ่านกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรม จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในการพัฒนาและต่อยอดสู่ ABB Solution เพื่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศไทย”
พลิกโฉมอุตสาหกรรมไทย 2 ปัจจัยสำคัญ
1. ความร่วมมือ ABB Robotics
เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ ABB Collaborative Robot ซึ่งเป็น Solution ของกลุ่มธุรกิจ Robotics & Discrete Automation บนโครงข่ายส่วนตัว dtac 5G Private Network เพื่อทดสอบการใช้หุ่นยนต์ และแขนกลอัตโนมัติสำหรับนำไปใช้งานในกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่เฉพาะ หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมจำกัดที่เป็นอันตราย
โดยการเชื่อมต่อกับโครงข่ายของดีแทคจะเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อที่ควบคุมได้แบบเรียลไทม์ แม่นยำ และปลอดภัยในการรับส่งข้อมูล ที่สำคัญ 5G มีประสิทธิภาพสูงและตอบสนองที่รวดเร็ว หุ่นยนต์จึงสามารถทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงได้ ในขณะที่ผู้ควบคุมสามารถสั่งงานจากระยะไกลได้อย่างปลอดภัย
2. ความร่วมมือ ABB Remote Insights
เป็นการพัฒนา และต่อยอดโซลูชั่นของกลุ่มธุรกิจ Process Automation ร่วมกับโครงข่ายดีแทค 4G/5G ที่ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วไทย เพื่อนำไปใช้งานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีความต้องการโซลูชั่นที่เพิ่มประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในการทำงาน
โดยแอปพลิเคชันที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารโต้ตอบระยะไกลระหว่างผู้เชี่ยวชาญ และบุคลากรที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ จะใช้เทคโนโลยีการแสดงภาพเสมือนจริง หรือ Augmented Reality (AI) บนโครงข่ายดีแทคในการให้ข้อมูล และคำแนะนำเพื่อการแก้ไขปัญหาแบบเรียลไทม์
ความร่วมมือของดีแทค และเอบีบีในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรม และธุรกิจของไทย รวมทั้งสร้างโอกาสใหม่ทางการตลาดเพื่อกลุ่มธุรกิจภาคการผลิต และอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจที่มีความต้องการใช้งานเทคโนโลยี 5G กับ Robotic ที่จะเป็นการขับเคลื่อนครั้งสำคัญให้แข่งขันได้ทั้งในประเทศ และภูมิภาค
ถือว่าเป็นการผสานจุดแข็งของทั้ง 2 ฝ่ายเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว ความเชี่ยวชาญทางด้านหุ่นยนต์ของเอบีบี สู่การเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลของดีแทค จะสามารถเพิ่มศักยภาพ และสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยข้อมูลจากเอบีบีรายงานว่า สิงคโปร์ และไต้หวันนำหุ่นยนต์ใช้งานทดสอบ COVID-19 ลดความเสี่ยงชีวิตผู้ปฏิบัติงาน เพิ่มขีดความสามารถ รวดเร็ว และแม่นยำสูง ได้อีกด้วย