5 สมาคมฯ ภาคค้าปลีกและบริการ เสนอแผนล็อกดาวน์แบบผ่อนปรน 3 ระดับ

5 สมาคมฯ “บิ๊กไฟว์” เสนอแผนล็อกดาวน์แบบผ่อนปรนในประเทศไทย 3 ระดับ แก่รัฐบาล เพื่อลดระดับการติดเชื้อ และให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้

ประกอบด้วย คณะกรรมการค้าปลีกและบริการ หอการค้าไทย, สมาพันธ์ SME ไทย, สมาคมผู้ค้าปลีกไทย, สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมภัตตาคารไทย ซึ่งทั้งระบบมีการจ้างงานถึง 12 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 34% ของ GDP ประเทศ และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 5.6 ล้านล้านบาท

โดยตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 5 สมาคมฯ นี้ ได้ให้ความร่วมมือและสนับสนุนทุกๆ มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยได้ยกระดับมาตรการการป้องกันโควิดขั้นสูงสุดในทุกธุรกิจของเครือข่ายของสมาคมฯ มาโดยตลอด และมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการช่วยลดการแพร่ระบาดฯ และแบ่งเบาภาระของบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศที่ทำงานอย่างหนัก และต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน

นอกเหนือจากนี้ ทั้ง 5 สมาคมฯ ได้เพิ่มการสนับสนุนให้พื้นที่เพื่อเป็นจุดฉีดวัคซีน พร้อมโมเดลของระบบการทำงาน (Total Solutions) รวมทั้งเรื่องความช่วยเหลือในส่วนต่างๆ อาทิเช่น อุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงสนาม เครื่องอุปโภคและบริโภค เป็นต้น

และยังเน้นย้ำเรื่อง “การ์ดไม่ตก” ในระดับสูงสุด โดยมีมาตรการให้พนักงานทำงานอยู่บ้าน แบบ WFH (Work from Home) เพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาด และยังคงทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจรายย่อย และประชาชนทั่วไป ยังคงมีรายได้และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันบนสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้

ด้วยความตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 5 สมาคมฯ จึงมีแนวคิด และข้อเสนอแนะว่า การล็อกดาวน์เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จำเป็นต้องมีแผนปฏิบัติการเชิงรุกร่วมด้วย และต้องมีมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบ เช่น ช่วยค่าน้ำค่าไฟ เป็นเวลา 3 เดือน, ช่วยจ่ายค่าแรงงานที่ต้องว่างงาน และชดเชยรายได้ที่หายไป เป็นต้น

ดังนั้นหากมีความจำเป็นต้องล็อคดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับผลกระทบของระบบเศรษฐกิจทุกระดับและการจ้างงาน ทั้ง 5 สมาคมฯ จึงขอนำเสนอแนวทางในการล็อกดาวน์เป็น 3 ระดับ ดังนี้

  1. ล็อกดาวน์เป็นช่วงเวลา โดยกำหนดการเปิด-ปิดธุรกิจเหมือนช่วงหลังสงกรานต์ปี 2564 ที่ผ่านมา พร้อมเร่งแผนการนำเข้า และฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและเร็วที่สุด และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบ
  2. ล็อกดาวน์เป็นบางคลัสเตอร์ หรือบางจุดในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยจำกัดการเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่ และเร่งฉีดวัคซีนในคลัสเตอร์ให้ครบ 100% พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือเรื่องสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน และมีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในคลัสเตอร์นั้นๆ
  3. ล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยงดการเคลื่อนย้ายข้ามพื้นที่และปูพรมการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์ถึง 14 วัน ถ้าสามารถเร่งการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้ 100% และยังคงต้องมีมาตรการเยียวผู้ประกอบการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล