Blendata (เบลนเดต้า) บริษัทผู้พัฒนาแพลตฟอร์มบริหารจัดการ Big Data อัจฉริยะ เผยทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคม Super Smart ในยุค 5.0 ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมจะถูกท้าทายด้วยสมรภูมิการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บวกกับวิกฤตโควิด-19 ที่เป็นตัวเร่งให้ภาคธุรกิจต้องตั้งรับและปรับตัวอย่างเร่งด่วน ชี้ “ข้อมูล” คือ “หัวใจ” สำคัญ ในการสร้างศักยภาพด้านการแข่งขันและฟื้นธุรกิจ ระบุธุรกิจชั้นนำในไทยมากกว่าครึ่ง เริ่มใช้ Big Data แล้ว แต่พบว่ามีธุรกิจเพียง 19% ที่ใช้ Big Data สำเร็จ Blendata ชูแพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise” ช่วยบริหารจัดการ Big Data แบบ All-in-one ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่าง‘ข้อมูลมหาศาล’ กับ ‘ผู้ใช้งาน’ เปลี่ยนวิธีการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนให้สะดวกและง่ายขึ้น ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่รวบรวม จัดการ ประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล จนถึงการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ เพื่อสร้างมูลค่าแก่ธุรกิจ ช่วยให้องค์กรบริหารจัดการข้อมูลได้รวดเร็วขึ้นถึง 3 เท่า พร้อมลดต้นทุนได้ถึง 2 ใน 3
นายณัฐนภัส รชตะวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เบลนเดต้า จำกัดกล่าวว่า เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค Super Smart หรือยุค 5.0 ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อมนุษย์ การเชื่อมโยง ติดต่อสื่อสาร และการทำธุรกรรมต่าง ๆ สามารถทำได้จากทั่วทุกมุมโลก เพียงผ่านปลายนิ้วหรือแค่การสั่งงานด้วยเสียง ก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ มากมาย ที่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยิ่งเป็นตัวเร่งให้ทุกคนหันมาใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต ซึ่งไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชนต่างก็ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ และเพื่อตอบรับต่อความต้องการใหม่ ๆ และเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับอนาคต สิ่งจำเป็นต่อการพัฒนานี้ก็คือ ‘ดาต้า’ ที่ทุกองค์กรจึงมีการจัดเก็บมากขึ้น เนื่องจากเกิดขึ้นใหม่ในทุกวัน ทุกเวลา การจัดการ ‘ดาต้า’ให้กลายเป็น ‘บิ๊กดาต้า’ และสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จึงกลายเป็นงานที่ท้าทายของหลายหน่วยงาน
อย่างไรก็ดี Blendata ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “Blendata Enterprise” ตอบโจทย์การใช้งานแบบ All-in-one ช่วยให้การจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย ให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลได้แม้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เป็นแพลตฟอร์มระบบเปิดที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลมหาศาลและนำข้อมูลมาใช้งานได้จากหลากหลายแหล่ง พร้อมตอบสนองด้านความปลอดภัยในข้อมูลขององค์กรด้วยฟังก์ชั่นจัดการการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน รวมถึงมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเปลี่ยนข้อมูลมหาศาลที่ยุ่งเหยิง ให้กลายเป็นชุดข้อมูลที่สะอาดและพร้อมใช้งาน ครอบคลุมจนถึงการนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถส่งออกผลลัพธ์ที่ได้ไปยังระบบอื่นได้อย่างง่ายดายผ่าน API ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ดหรือเขียนโค้ดก็ได้หากต้องการประมวลผลข้อมูลที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้ Blendata ช่วยลดการลงทุนด้านบุคลากร ด้านทรัพยากรคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และระบบการบำรุงรักษา ด้วยการรวบรวมทุกฟังก์ชั่นในการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมทั้งช่วยลดเวลาและความซับซ้อนในการรวบรวมข้อมูล ประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น 270% หรือ 3 เท่า และประหยัดต้นทุนได้ถึง 2 ใน 3 หรือ 160%
Blendata Enterprise มาพร้อมฟังก์ชั่นมากมาย สำหรับช่วยบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ครบทุกขั้นตอนในแพลตฟอร์มเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมข้อมูลมาไว้ในที่เดียวกัน และการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบ ด้วยฟังก์ชั่น Import Data สามารถเชื่อมต่อหรือรวบรวมข้อมูลได้จากหลายแหล่ง (Replicate or Virtualize) ทั้งจาก Databases, Flat files, Logs, และ Cloud Storages พร้อมรองรับฐานข้อมูลที่เป็นที่รู้จักมากมาย เช่น Oracle, mySQL, Amazon S3 และอื่น ๆ ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด พร้อมบริหารจัดการข้อมูลที่นำเข้ามาผ่านฟังก์ชั่น Data Catalog ที่สามารถจัดการข้อมูลได้อย่างเป็นระบบผ่านการแท็ก (Tag) จำแนก (Classify) และจัดหมวดหมู่ (Categorize) ง่ายต่อการนำข้อมูลไปใช้ต่อ รวมถึงสามารถกำหนดสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานในองค์กร เพื่อตอบสนองด้านความปลอดภัย
การประมวลผลข้อมูลมหาศาลจากหลายแหล่งร่วมกัน สามารถจัดเตรียมข้อมูลและเชื่อมโยงข้อมูลข้ามแพลตฟอร์มจากหลายแหล่ง หรือ Filter ข้อมูลจากชุดข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปสร้างเป็นข้อมูลชุดใหม่ หรือสร้างเป็น Visualization ได้ง่ายขึ้น ด้วยฟังก์ชั่น Data Preparation ด้านการค้นหาข้อมูลและการนำข้อมูลไปใช้ สามารถค้นหาข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว โดยการใช้ฟังก์ชั่น Simple Query ที่สามารถค้นหาหรือคัดกรองข้อมูลได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด หรือสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการค้นหาข้อมูลในขั้นแอดวานซ์ก็สามารถเลือกใช้คำสั่ง SQL ได้ผ่านฟังก์ชั่น Data Exploration
ในส่วนการนำข้อมูลไปประยุกต์ใช้และต่อยอดในรูปแบบต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแสดงผลออกมาเป็นแผนภาพ Visualization หรือ Charts ผ่านฟังก์ชั่น Visualization ด้วยระบบการใช้งานแบบคลิก Drag and drop โดยมีเครื่องมือที่สามารถปรับแต่งข้อมูลและเลือกรูปแบบการนำเสนอได้อย่างหลากหลาย มาพร้อมฟังก์ชั่น Project Management สำหรับรวบรวม Visualization มานำเสนอในรูปแบบ Dashboard โดยสามารถตั้งค่าการนำเสนอได้อิสระแบบ Drag and drop รวมถึงกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงรายบุคคล หรือรายกลุ่ม เพื่อแชร์การใช้งานข้อมูลให้กับคนในองค์กรได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
“ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นพัฒนา Blendata Enterprise ให้เป็นแพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ ที่เป็นทำหน้าที่เป็นตัวกลางสำคัญในการกำจัดความยุ่งยากที่เกิดขึ้นระหว่างข้อมูลที่ซับซ้อนกับผู้ใช้งาน (End-User) ผ่าน 4 กระบวนการ ตั้งแต่ 1.การรวบรวมข้อมูล (Integrate) 2.การจัดการข้อมูล (Manage) 3.การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล (Process) และ 4.การนำข้อมูลไปใช้ (Utilize) ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ส่งผลให้ผู้ใช้งาน (End-User) หรือบุคลากรในแต่ละส่วนงานที่มีความจำเป็นในการใช้ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น แผนกการตลาด แผนกการขาย แผนกไอทีและเทคนิค (operation & technical) และอื่น ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยากและลดภาระงานที่ซ้ำซ้อนของแผนกไอที พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจและการวางแผนธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น” นายณัฐนภัส กล่าวทิ้งท้าย