พีแอนด์จีลดไซส์เพิ่มยอดขาย

คำกล่าวที่ว่า “Size does matter” เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้เด่นชัดของพีแอนด์จี ที่วันนี้กำหนดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรด้วย “ขนาด” เป็นสำคัญ

ราอูล ฟัลคอน กรรมการผู้จัดการ พีแอนด์จี ประเทศไทย บอกว่า “กลยุทธ์ที่ช่วยผลักดันให้พีแอนด์จีประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและอัตราเติบโตของ Portfolioผลิตภัณฑ์เพื่อความงามของบริษัท ในปีนี้คือการใช้กลยุทธ์ Downsizingและ Pricing สำหรับพรีเมียมแบรนด์ของบริษัทซึ่งช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์พีแอนด์จีเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากขึ้น ในราคาที่สามารถซื้อได้ ทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคด้วย”

แชมพูเฮดแอนด์โชวเดอร์ ซึ่งปีนี้มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 12% ในช่วง 10 เดือนแรกซึ่งสูงกว่าอัตราของตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมโดยรวม 3 เท่า

แชมพูเฮดแอนด์โชวเดอร์ขนาด 80 มิลลิลิตร จำหน่ายในราคา 29 บาทในเทรดดิชั่นนอลเทรดเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคเกิดความอยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ และขนาด 380 มิลลิลิตร ในราคา 162 บาท ในช่องทางการจัดจำหน่ายโมเดิร์นเทรดสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความคุ้มค่า

นับเป็นกลยุทธ์ที่พีแอนด์จีใช้ใน 80 ประเทศทั่วโลกเช่นเดียวกัน ด้วยแนวทาง 2 ประการคือ มาพร้อมกับน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรใหม่ที่เข้มข้นอย่างดาวน์นี่ ที่สามารถขายในราคาที่สูงขึ้นได้ หรือเป็นการลดไซส์ของผลิตภัณฑ์เดิมเพื่อเพิ่มความหลากหลายของบรรจุภัณฑ์ และเพิ่มโอกาสการขายที่มีมากขึ้นจากราคาขายที่ต่ำลง

ราอูลบอกว่า “ในปี 2554 ที่ผ่านมาบริษัทยังได้วางจำหน่ายโอเลย์เนเชอรัล ไวท์ในขนาดซอง ราคา 10 บาท โดยเน้นการกระจายสินค้าผ่านธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ซึ่งการแนะนำสินค้าขนาดใหม่ในปีนี้มีส่วนช่วยให้เนเชอรัล ไวท์ มียอดขายเติบโตมากกว่า 2 เท่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา”

ความสำเร็จดังกล่าว แทบไม่แตกต่างจาก “การ์นิเย่” ของค่ายลอรีอัล ที่สามารถแจ้งเกิดในตลาดแมสได้ด้วยบรรจุภัณฑ์แบบซอง เพราะ “ซอง” ทำให้เกิดการทดลอง ทำให้เกิด Penetration Rate ที่สูงขึ้น และตัดสินใจซื้อได้ง่าย เพราะมีราคาถูก เพียง 10 บาทก็สวยได้ ตอบสนองต่อเม็ดเงินในกระเป๋าของกลุ่มเป้าหมายระดับแมสที่มีกำลังซื้อแบบจำกัดจำเขี่ยได้เป็นอย่างดี

จากกลยุทธ์ลดไซส์ดังกล่าว ทำให้แบรนด์โอเลย์โดยรวมยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 27.4% (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2553) ขณะที่ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของพีแอนด์จีมีส่วนแบ่งการตลาดล่าสุดอยู่ที่ 31.7%

ขณะที่ในระดับโลก พีแอนด์จียังมีอีกหลายนวัตกรรมที่ลดขนาด เพิ่มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น แพมเพอร์ส ดราย แมกซ์ มีความบางลงจากเดิม 20% และถือเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแพมเพอร์สในรอบ 25 ปี