“MOTIF” โชว์รูมนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ระดับลักซ์ชัวรี่จากทั่วโลก ยืนหนึ่งในเรื่องของแต่งบ้าน High-End มายาวนานถึง 18 ปี บนพื้นที่กว่าเกือบ 1,000 ตารางเมตร ณ ชั้น 4 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ เผยผลกำไร Q1-Q2 ปี 2564 ยอดขายทะลุเป้า เติบโตเกิน 30% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ตอกย้ำความเป็นเบอร์ต้นๆ ของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์หรูเมืองไทย พร้อมตั้งเป้าดันยอดให้โตต่อเนื่องตลอดปี 2564 ผ่านการดึงมืออาชีพช่วยปรับแผนการขายโฟกัสผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และตีตลาดด้วยสินค้า ‘Fashion for Home’ เฟอร์นิเจอร์สำหรับคน WFH, ‘Dutch Design’ ของแต่งบ้านสไตล์เนเธอร์แลนด์ และ ‘Rugs Collection’ พรมอิลาลีสุดหรู ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลาย ไม่ลืมจัดเต็ม Window Display ปรับเปลี่ยนหน้าร้านหมุนเวียนตามธีม เอาใจนักช้อปไม่มีเบื่อ และ Pop-up Store ตามห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่
“นายอัครรัฐ วรรณรัตน์” Managing Director ของ MOTIF เผยถึงความสำเร็จไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2564 ว่าผลกำไรเติบโตขึ้น โดยยอดขายทะลุเป้าเรียบร้อย และเติบโตขึ้น 30% จากปีที่แล้ว เป็นผลงานจากการวางกลยุทธ์การขายรอบด้าน ทั้งการโฟกัสออนไลน์ แต่ไม่ลืมสร้างความหลากหลายไม่มีเบื่อให้กับประสบการณ์หน้าร้านออฟไลน์ รวมถึงการคัดเลือกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าเสมอ พร้อมตั้งเป้าดันยอดครึ่งปีหลัง 2564 เติบโตต่อเนื่อง
“การเติบโตของ MOTIF มีอย่างต่อเนื่อง ในปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ภาพรวมโตขึ้น 10-15% เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเป็นปีที่เริ่มมีสถานการณ์โควิด-19 เลยทำให้เหมือนเวลาหายไป 2 เดือน แต่ก็ถือว่ายังโตอยู่ในโหมดที่เราโอเค
สำหรับในปี 2564 เรายังคงตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 30% แต่ Q1 – Q2 ผลกำไรของปีนี้ได้กำไรดีเกินคาด ยอดขายทะลุเป้าไปแล้ว มากที่สุดตั้งแต่เปิดแบรนด์มา เป็น 6 เดือนที่ยอดขายเราดีมากที่สุด ปัจจัยในการประสบความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นจากแบรนด์ของเรามีการพัฒนาเรื่อยๆ หลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องจากการจัดการระยะเวลาสั่งสินค้า เนื่องจากการระบาดของโควิท-19 ระยะเวลาของกระบวนการผลิตจึงนานกว่าเดิม แต่เราสามารถจัดการมันได้ดีมาก ทำให้เรามีปัญหาเรื่องนี้น้อยลง” นายอัครรัฐ กล่าว
นายอัครรัฐ อธิบายต่อว่า ความสำเร็จครึ่งปีแรกของ MOTIF เกิดจากหลายปัจจัย เรื่องแรก Stock Management ถือว่าเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จ เริ่มจากการสต็อกของที่ลูกค้าต้องการในจำนวนที่เหมาะสม ตอบโจทย์ลูกค้าเรื่องระยะเวลารอคอยและไม่มีสต็อกคงค้างมากเกินไป อย่างในช่วงโควิท-19 แม้ว่าระยะเวลาการผลิตสินค้าจะนานขึ้นจาก 3 เดือน เป็น 6-8 เดือน เพราะสินค้าประเภทลักชัวรี่มีกระบวนการในการผลิต ที่ต้องใช้ความประณีต ละเอียดอ่อนและใส่ใจในทุกขั้นตอน แต่เนื่องจากทางแบรนด์มีการสำรวจความต้องการลูกค้าอยู่ตลอด วางแผนสั่งสินค้าที่ขายดีมาสต็อก ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเมื่อไม่ต้องรอสินค้านาน
นอกจากนี้ ช่วงโรคระบาดทำให้ทาง MOTIF มองหาโอกาสใหม่ผ่านสินค้าใหม่เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และตอบโจทย์กระแสการ Work from Home โดยเฉพาะ ทั้งสินค้า ‘Fashion for Home’ ไม่ว่าจะ Paul Smith for Anglepoise Lamp, Fendi Casa, Versace Home และ Missoni Home ซึ่งเป็นสินค้าแนว home accessory ที่ทำรายได้ได้สูงให้กับ MOTIF ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าสามารถเลือกไปตกแต่งเพิ่มสีสันกับฟังก์ชั่นให้พื้นที่ได้ ซึ่ง MOTIF ในปีนี้จะยังโฟกัส home accessory ที่เป็นของตกแต่งชิ้นเล็กและเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์อันโดดเด่นที่เป็นผลงานของดีไซเนอร์ดังให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากคนได้หันให้ความสำคัญและเก็บสะสมงานของดีไซน์ดังๆ มากยิ่งขึ้น
รวมไปถึง ‘Dutch Design’ ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 64 เฟอร์นิเจอร์สไตล์เนเธอร์แลนด์ที่เน้นความเรียบง่าย อบอุ่น แต่หรูหรา เป็นดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ เหมาะกับช่วงเวลาที่ต้องใช้ชีวิตที่บ้านเป็นหลัก และ ‘Rug Collections’ พรมไฮเอนด์จากอิตาลีที่เป็นไอเทมเสริมให้บ้านน่าอยู่ขึ้น
“5 ปีที่ผ่านมา ‘Dutch Design’ เป็นงานดีไซน์ที่โตมากและราคาไม่ได้ถูกไปกว่าของอิตาลีเลย เป็นหนึ่งในผลงานออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์มากที่สุด ทุกคนในประเทศเนเธอแลนด์ก็เชื่อมั่นและเลือกใช้ดีไซน์ของเขา เราก็เลยเปิดตลาดกับเขาด้วย 5 แบรนด์ดังฉบับ Ducth Design ซึ่งเราได้ติดต่อไว้ในช่วงโควิด-19 ปีที่แล้ว โดยหลังจากที่เราเปิดตัวไปในเดือนมีนาคมปีนี้ กระแสการตอบรับจากลูกค้าถือว่าดีมาก” นายอัครรัฐ กล่าว
ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์โฮมออฟฟิศก็ยังคงเดินหน้าตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีการขยายไลน์คอลเลคชั่นให้มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ WFH ยังคงมาแรงมากในปี 2021 นี้และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า
โดยกลยุทธ์การขายช่วงโควิท-19 เน้นขายผ่าน Omni-Channel (การทำการตลาดที่รวมทุกช่องทางการติดต่อให้เป็นหนึ่งเดียว) และเน้นที่ช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Line@ และ Instagram โดยครึ่งหลังของปี 2564 ก็ยังจะโฟกัสที่ช่องทางนี้อยู่ และมีการดึงตัวผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์มาเสริมทัพ เสริมประสบการณ์การช็อปปิ้งของลูกค้าบนหน้าจอ ให้เหมือนมาเดินเลือกซื้อที่ร้าน
“ยอดขาย Omni เราเติบโตไปได้สวย โดยเฉพาะช่องทาง Instagram และ Line@ ซึ่งช่องทาง Line@ เป็นช่องทางที่เวลาเราขายสินค้า เราถ่ายภาพจากสินค้าจริง มีทีมพนักงานซัพพอร์ตตลอดหากลูกค้าอยากได้รูปหรือวิดีโอเพิ่มเติม เราสร้างประสบการณ์ทำให้ลูกค้าเหมือนรู้สึกว่าได้สัมผัสสินค้าจริง มาเลือกซื้อเอง มากที่สุด เราเคยคิดว่าการปิดดีล Omni เป็นสิ่งที่ยาก แต่ตอนนี้เราพิสูจน์แล้วว่าเราทำได้ ด้วยความใส่ใจของพนักงานทุกคนไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ ลูกค้าต้องการรูปในมุมไหนเยอะๆ ก็สามารถถ่ายให้ได้เลย ช่วยให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และเราก็ยังมีการบริการ ที่กล้าบอกได้ว่าเป็นแบบ ‘First Class Service’ ที่ต่อยอดจากรูปแบบ Omni-Channel คือการนำของไปให้ลูกค้าดูที่บ้าน อยากดูอะไร ยกไปให้ดูที่บ้านได้เลย หรือในช่วง โควิด-19 ไม่สะดวกให้พนักงานยกของไปให้ดูที่บ้าน ก็อาจจะนัดไปดูนอกสถานที่หรือตึกที่เรามีอยู่ก็สามารถทำได้”
สำหรับสินค้าที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในปีนี้ อัครรัฐ กล่าวว่าเป็นสินค้า ‘home accessory’ ซึ่งเป็นประเภทที่ถูกเลือกมาโปรโมทผ่านช่องทางออนไลน์มากที่สุด และได้รับความสนใจอย่างมาก โดยครึ่งปีแรกของปี ‘64 ขายสินค้าประเภทนี้ ไปแล้วกว่า 70% ของสต็อกสินค้าทั้งหมด “เราจึงตัดสินใจเปิดตัวสินค้า home accessory ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก ก็ได้รับความสนใจลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อเยอะ สำหรับตกแต่งบ้านเองหรือให้เป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษ”
นอกเหนือจากแบรนด์ ‘Fashion for Home’ อาทิ Paul Smith for Anglepoise, Missoni Home, Versace Home ที่ MOTIF ได้นำเข้ามาวางขายเปิดตลาดไปแล้ว ในช่วง Q 3 – Q 4 ของปี 64 นี้ จะมีการนำเข้าแบรนด์ที่เป็น ‘Fashion for Home’ ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้เลือกสรรกันเพิ่มมากขึ้น
แต่แม้จะรุกหนักด้านออนไลน์และ Social Media แต่ด้านกลยุทธ์ออฟไลน์ก็ไม่ทิ้ง เพราะมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียน Window Display หน้าร้าน และเปิด Pop-up Store ในหลายที่ โดยปีนี้ MOTIF ยังต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์การรับรู้ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดย Window Display หน้าร้านมีการเปลี่ยนธีมอยู่เรื่อยๆ ช่วยบันดาลใจให้ลูกค้าสนุกกับไอเดียการแต่งบ้านแบบไม่มีเบื่อ เนรมิตมุมต่างๆ ภายในโชว์รูมให้มีกลุ่มสินค้า home accessory อยู่ในทุกมุม พร้อมจัดหมวดหมู่สินค้าให้เลือกง่ายขึ้น เพื่อประหยัดเวลาช็อป แน่นอนว่าไม่ลืมใส่ใจในมาตรการรักษาความสะอาดตลอดเวลา เพราะสุขภาพของลูกค้าสำคัญที่สุด
ขณะเดียวกัน MOTIF จะมีการนำขบวนสินค้าไปเปิดเป็น Pop-Up Store ทั้งในส่วนของพื้นที่ของห้างเซ็นทรัลเอ็มบาสซี่เอง และห้างลักชัวรี่ชั้นนำอื่นๆ เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการเข้าถึงและเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้มากขึ้น
ด้วยกลยุทธ์ที่จัดเต็มพาองค์กรฝ่าวิกฤติโควิท-19 ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์หรือออฟไลน์ รับประกันได้ว่า การเลือกซื้อสินค้าเพื่อนำไปตกแต่งบ้าน หรือ มอบเป็นของขวัญ จะสะดวก ปลอดภัย และตอบรับความต้องการของผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอลได้อย่างเต็มที่ เพราะ MOTIF ตอบโจทย์ครบจบความสุขในที่เดียว