- เมอร์เซเดส–เบนซ์เปิดตัว “The new S-Class” โฉมใหม่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในราคาเริ่มต้นที่ 6,690,000 บาท
- เปิดให้ลูกค้าจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
- ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น ที่จะสามารถเปิดรับประสบการณ์การเชื่อมต่อบนรถยนต์ผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไร้ขีดจำกัด
เมอร์เซเดส–เบนซ์ พร้อมมอบประสบการณ์ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยที่สุดแห่งยนตรกรรม กับการเปิดตัว “The new S-Class” อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในราคาเริ่มต้นที่ 6,690,000 บาท โดยลูกค้าสามารถเข้ามาลงทะเบียนเพื่อจองรถยนต์คันนี้ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “วันนี้ เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้พบกับ “The new S-Class” รถยนต์ที่ดีที่สุดในรถยนต์ระดับเดียวกัน ทั้งยังเป็นรถยนต์หรูที่ขายดีที่สุดทั้งในตลาดโลกและในตลาดไทย สำหรับเมอร์เซเดส–เบนซ์ เอสคลาส รุ่นใหม่นี้ เรามีความภาคภูมิใจที่ได้นำเสนอรถยนต์ที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นที่สุด ทั้งในเรื่องความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ภายใต้การผนวกเอานวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ มาถ่ายทอดผ่านทุกรายละเอียดของการออกแบบ โดยเฉพาะประสบการณ์การเชื่อมต่อบนรถยนต์ผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาย ที่เมอร์เซเดส–เบนซ์ จับมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 4G LTE ในประเทศไทยโดยเฉพาะ จึงช่วยให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์กับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้นที่จะสามารถเปิดรับประสบการณ์การขับขี่ที่เป็นที่สุดในแบบของรถยนต์รุ่นเอสคลาสได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งสำหรับลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของ “The new S-Class” สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และทำการจองรถยนต์กับผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์อย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ได้แล้วตั้งแต่วันนี้”
The new S-Class คือที่สุดแห่งยนตรกรรมของเมอร์เซเดส–เบนซ์ที่พร้อมมอบประสบการณ์ยานยนต์ที่เป็นที่สุดของความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำหน้าที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ กับเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบเรียง ขนาด 2,925 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น การออกแบบทั้งภายในและภายนอกใหม่หมดจด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sensual Purity ในภาษาดีไซน์ที่ได้รับการยกระดับขึ้นในทุก ๆ ส่วน พร้อมตอบรับความต้องการของผู้โดยสารในทุกที่นั่งด้วยประสบการณ์ดิจิทัลที่เป็นที่สุด โดยเฉพาะระบบมัลติมีเดีย MBUX7 เจเนอเรชันใหม่ และระบบความปลอดภัยสุดล้ำหน้า ที่พร้อมยกระดับประสบการณ์การขับขี่ขึ้นอีกขั้นในทุกรายละเอียด
The new S-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
- Mercedes-Benz S 350 d Exclusive ราคา 6,690,000 บาท
- Mercedes-Benz S 350 d AMG Premium ราคา 7,190,000 บาท
The new S-Class พร้อมให้ลูกค้าผู้สนใจจับจองได้ตั้งแต่วันนี้ โดยลูกค้าสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ The new S-Class และรถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์ทุกรุ่น ได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส–เบนซ์และผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 173,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ยานยนต์ไร้คนขับ และยานยนต์ทางเลือก โดยการใช้นวัตกรรมล้ำสมัยต่าง ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และเมอร์เซเดส-มี รวมทั้งแบรนด์สมาร์ท และแบรนด์อีคิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมี่ยมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2563 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกือบ 2.4 ล้านคัน และรถตู้กว่า 438,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตกว่า 40 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการในด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองกลุ่มธุรกิจ สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม
Related