SHR ชูรายได้โตต่อเนื่องจากพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร และมัลดีฟส์

SHR มั่นใจ ผลประกอบการในครึ่งปีหลัง เติบโตต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในสหราชอาณาจักร และในสาธารณรัฐมัลดีฟส์  ลั่นผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 มาแล้ว เชื่อมั่นพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร และมัลดีฟส์ เป็นตัวแปรสำคัญสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในครึ่งปีหลัง ส่วนด้านผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 64 สะท้อนภาพการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้เพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘SHR’ ในเครือของสิงห์ เอสเตท เผยรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2564 เติบโตต่อเนื่องสู่ 803 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากไตรมาส 1 ปี 2564 จากการรับรู้ผลประกอบการเต็มไตรมาสครั้งแรกของ 25 โรงแรมในพอร์ตสหราชอาณาจักร ที่ซื้อหุ้นเพิ่มเข้ามาในไตรมาสที่ผ่านมา  โดยสัดส่วนรายได้จากการขายและการให้บริการของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร คิดเป็นร้อยละ 41.3 ของรายได้รวมจากการขายและการให้บริการในไตรมาส 2 ปี 2564 สะท้อนให้เห็นถึงภาพความสำเร็จจากการปรับกลยุทธ์จัดพอร์ตสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ  นอกจากนี้ SHR ยังมั่นใจผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 แล้ว และเชื่อมั่นผลประกอบการตั้งแต่ในไตรมาส 3 จะปรับตัวดีขึ้น ภายหลังภาคการท่องเที่ยวในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากการประสบความสำเร็จในการกระจายวัคซีนให้ประชากรในอัตราสูง สอดรับกับการก้าวเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี

ปัจจัยสำคัญที่จะหนุนผลประกอบการในครึ่งปีหลังของโรงแรมในสหราชอาณาจักร และโรงแรมในโครงการ CROSS-ROADS ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ได้แก่ ความชัดเจนในการเปิดพรมแดนในการเดินทางระหว่างประเทศ โดยอังกฤษมีการประกาศยกเลิกข้อจำกัดในการเดินทางและมาตรการปิดเมืองต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ในขณะที่มัลดีฟส์มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวเอเชียใต้ให้เดินทางเข้าประเทศได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า มัลดีฟส์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 81 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

สำหรับโรงแรมในประเทศไทยของ SHR ได้รับอานิสงส์จากนโยบายของรัฐบาลที่เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้าประเทศไทยอีกครั้ง ภายใต้โครงการนำร่อง Phuket Sandbox โดย SAii Laguna Phuket มีอัตราการเข้าพักในเดือนกรกฎาคมถึง 37% ทั้งนี้คาดว่าหากสถานการณ์การควบคุมโรคในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญมีทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลจะขยายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไปยังจังหวัดนำร่องอื่นๆ เพื่อพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง

ส่วนพัฒนาการที่สำคัญในด้านการลงทุน ได้แก่ การเดินหน้ารุกตลาดลักซ์ชัวรี่ในมัลดีฟส์ ร่วมกับ Wai Eco World Developer Pte. Ltd. : WEWD กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โดยเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้ลงนามในข้อตกลงบริหารจัดการโรงแรมครั้งสำคัญ กับ “โซ/ โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท” (SO/ Hotels & Resorts) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เติบโตเร็วที่สุดของแอคคอร์ (Accor) ในการพัฒนาและบริหารรีสอร์ทแห่งที่ 3 ของโครงการ CROSSROADS ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ซึ่งวางแผนเปิดตัวในปี 2566

นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “เรามีความเชื่อมั่นว่าโรงแรมในสหราชอาณาจักร และโรงแรมในโครงการ CROSSROADS ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ จะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้บริษัทฯ สร้างรายได้และกำไรจากการดำเนินการเติบโตอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง โดยมีปัจจัยสำคัญจากการผ่อนปรนข้อจำกัดในการเดินทาง และมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ได้มีการประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อโรงแรมทั้ง 2 พอร์ตนี้ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงในช่วงครึ่งปีหลังนี้”

นอกจากนี้แล้ว การเปิดตัว “โซ/ มัลดีฟส์” จะทำให้ SHR ได้เข้าถึงตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ และสามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ ด้วยช่องทางการขายและเครือข่ายสมาชิกที่แข็งแกร่งของแอคคอร์ ต่อยอดความสำเร็จให้กับโครงการ CROSSROADS ซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับนานาชาติอีกครั้งจากเวที Asia Pacific Property Awards 2021 – 2022 สาขา “Best Leisure Development Maldives (Five-Star)” หรือ โครงการพัฒนาด้านการพักผ่อนระดับห้าดาวที่ดีที่สุดแห่งปีในมัลดีฟส์