บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ในฐานะหน่วยงานขนส่งและสื่อสารของชาติ เดินหน้าขับเคลื่อนภาคส่วนต่าง ๆ ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 19 และครบรอบ 138 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย ด้วยแนวคิด “ส่งพลังสร้างสัมพันธ์” รุกใช้ศักยภาพอย่างหลากหลายเพื่อบรรเทาวิกฤต สังคม สาธารณสุข ตลอดจนส่งเสริมภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทย ในช่วงการระบาดของ COVID–19 อาทิ การส่งต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับบุคลากรด่านหน้าทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเตรียมยกระดับการดำเนินงานให้อยู่ในรูปแบบของ Tech Post หรือการใช้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในส่วนงานด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น บริการรับฝากไปรษณีย์อัตโนมัติเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถส่งของได้ด้วยตนเอง การพัฒนาบริการคลังสินค้าครบวงจร รวมถึงการขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลทดแทนการใช้บริการไปรษณีย์แบบดั้งเดิม
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 138 ปี กิจการไปรษณีย์ไทย รวมถึงก้าวสู่ 19 ปีแห่งการจัดตั้งบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และในฐานะหน่วยงานขนส่งและสื่อสารของชาติ ภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งมั่นเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศ โดยเน้นย้ำดำเนินงานผ่านแนวคิด “ส่งพลังสร้างสัมพันธ์” ซึ่งเป็นการใช้ศักยภาพแต่ละด้านช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข และอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต COVID – 19 ให้เดินหน้าต่อได้ รวมถึงสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างองค์กร พันธมิตรทางธุรกิจ และประชาชนในฐานะ “เพื่อนแท้ร่วมทาง” ด้วยการใช้ศักยภาพสื่อสาร การขนส่ง และการเข้าถึงทุกพื้นที่ รองรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงตามบริบทต่าง ๆ ของโลก
“โดยในปี 2564 นี้ ไปรษณีย์ไทย เตรียมยกระดับการดำเนินงานให้อยู่ในรูปแบบของ Tech Post ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของภาคประชาชนที่จะมีบริการรับฝากไปรษณีย์อัตโนมัติ (APM) ซึ่งเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้บริการได้ลดระยะเวลารอคอยใช้บริการที่เคาน์เตอร์ และในยุค Social Distancing การเปิดให้บริการรับฝากทุกวันไม่เว้นวันหยุด โดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ แหล่งท่องเที่ยว และแหล่งธุรกิจ ในภาคอีคอมเมิร์ซกับการพัฒนาบริการคลังสินค้าครบวงจร (THP Fulfilment) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ การยกระดับการขนส่งควบคุมอุณหภูมิผ่านการดำเนินความร่วมมือกับพันธมิตรเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับธุรกิจอาหารสด ผลผลิตทางการเกษตรให้มีความสดใหม่ และรองรับผู้บริโภคในทุกภูมิภาคที่ต้องการสินค้าเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนเตรียมขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น เทคโนโลยีทดแทนการใช้บริการไปรษณีย์แบบดั้งเดิมจาก Physical mail ไปสู่ Digital Mail ระบบจัดการด้านเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (Total Document Handling : TDH) การพัฒนาแพลตฟอร์ม Fintech ที่ทุกคนจะสามารถจัดการธุรกรรมทางการเงินได้ทุกรูปแบบ หรือแม้แต่กระทั่งช่องทางการค้า e – Marketplace ที่ปลอดภัยและต้นทุนต่ำ เป็นต้น”
นอกจากนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังได้ขับเคลื่อนอีกหลายภารกิจสำคัญ โดยเฉพาะภาคสังคมและสาธารณสุข ที่มีทั้งโครงการ “ส่งความห่วงใย ส่งให้สู้ภัย COVID – 19” บริการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับบุคคลากรด่านหน้าเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 กว่า 250,000 กิโลกรัม การให้ความร่วมมือกับสำนักงานเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร จัดตั้งศูนย์พักคอยโรงเรียนการไปรษณีย์ เขตหลักสี่ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง นำมาพักคอยเพื่อรอการนำส่งต่อไปรักษาที่สถานพยาบาล อีกทั้งยังได้ช่วยลดความแออัดในสถานพยาบาลผ่านการเป็นช่องทางจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ให้ถึงบ้านผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้มียอดการขนส่งยาและเวชภัณฑ์จากโรงพยาบาลไปส่งยังผู้ป่วยถึงบ้านแล้วจำนวนกว่า 600,000 ชิ้น จากโรงพยาบาลกว่า 400 แห่ง พร้อมด้วยโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX” ที่รวบรวมกล่อง/ซองกระดาษไม่ใช้แล้วจากคนไทย เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์จำเป็นทางการแพทย์ส่งให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วไทย ซึ่งขณะนี้ มีจำนวนรวมกว่า 120,000 กิโลกรัม
สำหรับในด้านเศรษฐกิจ มีการออกมาตรการเพื่อช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการลดภาระต้นทุนการจัดส่งสินค้าด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าจัดส่งแบบ EMS หรือ เปิดให้บริการแบบ Pick-up service รับฝากสิ่งของโดยผู้ใช้บริการไม่ต้องออกจากบ้าน รวมถึงสำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านยอดขายในช่วง COVID-19 ไปรษณีย์ไทยก็ได้มีการเปิดพื้นที่บนเว็บไซต์ Thailandpostmart เป็นช่องทางออนไลน์ในการช่วยจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน อีกทั้งสนับสนุนการจำหน่ายและขนส่งผลผลิตทางการเกษตร ให้พี่น้องเกษตรกร ซึ่งระบายผลผลิตไปแล้วกว่า 10,817 ตัน ในพื้นที่ 25 จังหวัด สามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลผลิตที่เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภค เช่น ลำไยอีดอ จ.ลำพูน มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบ้านวังทับไทร จ.พิจิตร ทุเรียนภูเขาไฟ จ.ศรีษะเกษ และล่าสุดกับการช่วยจำหน่ายและขนส่งมังคุดให้ชาวสวนในพื้นที่ภาคใต้ ดร.ดนันท์ กล่าวทิ้งท้าย
ก้าวสู่ปีที่ 19 ไปรษณีย์ไทย พร้อมร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ยกระดับการให้บริการ
ที่ครอบคลุมตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ นำเทคโนโลยีบูรณาการในการดำเนินงาน เพื่อเข้าใจ เข้าถึง และเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าทุกคน และยังคงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการส่งพลังความห่วงใย ช่วยคนไทยให้รอดในสถานการณ์วิกฤต COVID – 19 นี้ไปด้วยกัน
ติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th
เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post
ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post
###