SCGP ได้เข้าถือหุ้นร้อยละ 75 ใน Intan Group ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย ที่มีฐานลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค ต่อยอดด้านการผลิต ซัพพลายเชน และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รองรับการขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่สิงหาคมนี้
นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตในระยะยาว จึงวางกลยุทธ์ขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษ หลังจากเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2556 เพื่อต่อยอดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เพิ่มความเข้มแข็งด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์กระดาษ จากปัจจุบันที่มีฐานการผลิต 5 แห่งในประเทศอินโดนีเซีย
ล่าสุด ในวันที่ 13 สิงหาคม 2564 SCGP ได้เข้าถือหุ้น (Merger and Partnership หรือ M&P) ร้อยละ 75 ใน PT Indonesia Dirtajaya Aneka Industri Box, PT Bahana Buana Box และ PT Rapipack Asritama (Intan Group) เพื่อขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นไปตามที่ได้เคยเปิดเผยสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 โดยดำเนินการผ่าน TCG Solutions Pte. Ltd. (TCGS) ที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด (หรือ “TCG”) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่น ที่สัดส่วนร้อยละ 70:30 ตามลำดับ โดยแบ่งการชำระค่าหุ้นออกเป็นงวดแรกจำนวน 822 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 1,997 ล้านบาท) และจะชำระค่าหุ้นงวดที่ 2 โดยพิจารณาจากผลประกอบการส่วนเพิ่มของ Intan Group สำหรับงวดปีบัญชี 2565 และ 2566 ซึ่งเมื่อรวมกับเงินที่ชำระในงวดแรกแล้วจะเป็นเงินไม่เกิน 859 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 2,088 ล้านบาท) และจะเริ่มรับรู้ผลประกอบการของ Intan Group ในงบการเงินรวมของ SCGP ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
Intan Group เป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูกรายใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันดำเนินธุรกิจในพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ 4 พื้นที่ ได้แก่ Surabaya ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา Semarang ทางตอนกลางของเกาะชวา Bekasi ทางทิศตะวันตกของเกาะชวา และ Minahasa ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี โดยมีลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภค
เมื่อสิ้นสุดปีบัญชี 2563 Intan Group มีรายได้ประมาณ 1,329 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 3,231 ล้านบาท) มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีประมาณ 65 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 158 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์ประมาณ 755 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 1,836 ล้านบาท)
“การขยายการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียจะเพิ่มศักยภาพจากความร่วมมือแบบบูรณาการทั้งด้านการผลิต การตลาด การวิจัย รวมถึงนำเสนอบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายร่วมกับการนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรเพื่อรองรับการขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำความเชื่อมั่นในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งของประเทศอินโดนีเซีย” นายวิชาญ กล่าว
Related