บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ปรับทัพเสริมความแข็งแกร่งการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง รับจังหวะตลาดต่างประเทศฟื้นตัว หลังแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนเพิ่มอีก 1 ราย รุกช่องทาง Traditional Trade และ E-Commerce ขณะที่ตลาดในประเทศลุ้นโควิด-19 คลี่คลาย จากการที่รัฐเร่งฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เดินเกมออกผลิตภัณฑ์ใหม่และทำแคมเปญส่งเสริมการขายกระตุ้นการซื้อสินค้าพร้อมปรับแผนการให้บริการร้านอาหารของบริษัทในเครือสู่ช่องทางแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ขณะที่ผลงานครึ่งปีแรก ทำรายได้รวม 1,703 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 78.4 ล้านบาท พร้อมอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” รวมถึงขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้เพิ่มน้ำหนักการทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น รองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน ที่ถือเป็นตลาดหลักของ TKN นั้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงในการทำตลาด โดยแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย (Distributor) เพิ่มอีก 1 ราย เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง E-Commerce จากเดิมที่มีตัวแทนจำหน่ายได้แก่ Pan Orion Corp รับผิดชอบการจัดจำหน่ายสินค้าเข้าสู่ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) จึงทำให้ TKN มั่นใจกว่า การผสานกำลังร่วมกันระหว่าง 2 ตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีนครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดส่งออกต่อจากนี้
เช่นเดียวกับตลาดในสหรัฐอเมริกา ที่มีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มเปิดประเทศในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ ได้เดินสายออกบูธงานแสดงสินค้า (Roadshow Exhibition) ตามสถานที่ต่างๆ คาดว่าจะเห็นสัญญานการฟื้นตัวชัดเจนได้ในไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากภาวะค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือรวมถึงราคาค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังสูงที่ TKN ยังต้องบริหารจัดการให้เอื้อประโยชน์และสนับสนุนแผนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานให้ดีที่สุด
ส่วนทิศทางตลาดในประเทศ ยังเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 3/2564 ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและกำลังซื้อชะลอตัว ดังนั้น TKN จะบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ให้รัดกุมในทุกด้าน รวมถึงติดตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อแผนงาน TKN ซึ่งในเบื้องต้นประเมินว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนนำเสนอสินค้าใหม่พร้อมทำแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างโมเมนตัมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนหรือ Quick Service Restaurant (QSR) ของบริษัทในเครือ จะมุ่งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่มากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,703 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 78.4 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2/2564 ตลาดในประเทศยังมียอดขายจากผลิตภัณฑ์สาหร่ายและผลิตภัณฑ์นมพลาสเจอร์ไรส์รสชานม “จัสท์ ดริ้งค์” เข้ามาสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานยังคงเติบโตไปได้ดี ทำให้สามารถชดเชยยอดขายจากตลาดต่างประเทศบางส่วนที่ชะลอตัว โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนที่อยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์ใหม่ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลักดันการเติบโตของตลาดต่างประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงตอบแทนผู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 สิงหาคม 2564 และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 10 กันยายน 2564