“จิตตะ เวลธ์” โตสวนกระแสวิกฤตโควิด-19 ด้วยจำนวนพอร์ตภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นถึง 12 เท่า y-o-y หลังพัฒนาเทคโนโลยี เสนอผลิตภัณฑ์และบริการตอบโจทย์นักลงทุน ให้ผลตอบแทนชนะตลาด พร้อมชูแนวคิด “TEAM” ขับเคลื่อนสู่มิติใหม่ของการทำงาน มุ่งพัฒนาและปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ด้าน “พรทิพย์ กองชุน” CGO จิตตะ เวลธ์ ย้ำ บริษัทฯ สนับสนุนการสร้างคุณค่าให้กับพนักงาน เพื่อส่งมอบบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า และสร้างแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรม เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมรับบุคคลากรที่มีความสามารถมาร่วมสร้างคุณค่าให้กับนักลงทุน
นางสาวพรทิพย์ กองชุน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต (Chief Growth Officer) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น สตาร์ทอัพ WealthTech แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาต จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้บริหารจัดการเงินลงทุนในรูปแบบกองทุนส่วนบุคคล เปิดเผยว่า ด้วยการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีการลงทุนอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบโจทย์การลงทุนของนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการผลตอบแทนที่ดี ด้วยอัลกอริทึม AI ในการคัดเลือกหุ้น และวิธีการที่ง่ายและสะดวกสบาย ด้วยระบบการจัดสรรพอร์ตการลงทุน กระจายความเสี่ยง บริหารจัดการอัตโนมัติ (Automated Investing) ให้ผลตอบแทนชนะตลาด ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนในยุค New Normal จึงได้รับผลดีเกินคาด ส่งผลให้จำนวนพอร์ตกองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนกับ จิตตะ เวลธ์ เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยล่าสุดปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 เท่า จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
“อย่างที่ทราบกันดีว่า การมาของวิกฤติโควิด-19 ได้กระตุ้นการใช้เทคโนโลยีในทุกๆอุตสาหกรรม ในขณะที่นักลงทุนเองก็พยายามแสวงหาผลตอบแทนที่เติบโต ขณะที่ทำงานอยู่ที่บ้าน ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่อยู่ในระดับต่ำ และตลาดหุ้นผันผวน เพราะฉะนั้น นวัตกรรมเทคโนโลยีการลงทุนที่ยอมรับในทั่วโลก ช่วยคัดสรรหุ้นดี ราคาถูก ให้ผลตอบแทนชนะตลาด มาพร้อมกับการจัดพอร์ตอัตโนมัติ จึงตอบโจทย์นักลงทุนในยุคนี้ ส่งผลให้นักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนกับ จิตตะ เวลธ์ เป็นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ และยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นางสาวพรทิพย์ กล่าว
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้กระตุ้นให้ทุกองค์กร และผู้บริโภคต้องปรับตัวให้สอดคล้องไปกับสถานการณ์ และเป็นที่มาของเทรนด์ใหม่ๆ โดยงานวิจัยของ “McKinsey Global Institute” เมื่อต้นปี 2564 เกี่ยวกับ The Future of work after COVID-19 ระบุว่า วิกฤตินี้ได้ผลักดันให้บรรดาองค์กรต่างๆ และผู้บริโภค ต้องปรับ พฤติกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นพฤติกรรมที่ติดเป็นนิสัยไปในอนาคต นั่นคือ มีการทำงานระยะไกล (Remote Work & Virtual Meeting) 20-25% การเข้าถึงดิจิตอลผ่าน eCommerce จะเติบโตขึ้นอีก 2-5 เท่า และมีการปรับใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation and AI) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับ บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็นฟินเทค (FinTech) สตาร์ทอัพ ที่เชื่อมั่นในศักยาภาพของเทคโนโลยี โดยมีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในองค์กรตั้งแต่แรกเริ่ม บริษัทฯ มีรูปแบบการทำงานแบบผสมผสานหรือ “Hybrid Working” ที่เปลี่ยนจากศูนย์กลางการทำงานที่สำนักงาน มามุ่งเน้นการทำงานร่วมกันจากที่ไหนก็ได้ ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานในรูปแบบใหม่ เฉกเช่นเดียวกับบริษัทระดับโลก อย่าง Apple Cisco Microsoft และ Amazon ทำให้ จิตตะ เวลธ์ สามารถบริหารจัดการองค์กรในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับ ‘การสร้างคุณค่า’ ทั้งกับลูกค้าและทีมงานตลอดมา โดยมีการนำแนวคิด “TEAM” เข้ามาสนับสนุนการบริหารจัดการองค์กรให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนสู่มิติใหม่ของการทำงาน โดยแนวคิดดังกล่าวประกอบด้วย
T – Trust ความไว้วางใจ เชื่อมั่นในการทำงานของบุคลากร โดย จิตตะ เวลธ์ เน้นการทำงานอย่างโปร่งใส (Transparency) ด้วยความซื่อตรง (Integrity) เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม และได้รับความเชื่อใจจากผู้บริหาร โดยได้นำแนวคิด OKR (Objective and Key Results) มาตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย และขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จด้วยผลลัพธ์ นำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายเดียวกันที่ได้ตั้งไว้
E – Empathy ความเห็นอกเห็นใจกัน มอบสิ่งดีๆ ให้พนักงานได้ทำงานอย่างเป็นสุข ด้วยการเอาใจใส่และเข้าใจ ทั้งด้านสุขภาพกายและและสุขภาพใจ (Well-Being) โดยเฉพาะในภาวะวิกฤตเช่นนี้ เช่น สวัสดิการอาหารกลางวัน วันลาพักร้อนที่ไม่จำกัด เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น ประกันสุขภาพและวัคซีนทั้งของพนักงานและครอบครัว รวมถึงการดูแลสภาพจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากการ Work from Home เป็นเวลานาน เช่น ภาวะ Burn out หรือภาวะเครียด กดดัน เช่น จัดให้มี Workation ทำงานและพักผ่อนไปด้วย
A – Adaptability การทำงานแบบยืดหยุ่นและปรับตัวมากขึ้น (Resilience) รองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ด้วยแนวทางแบบ Agility ที่ช่วยให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยี และแผนการลงทุนใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการ ณ ปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว จากเดิมที่เคยใช้เวลาหลายเดือน ก็สามารถทำให้เสร็จภายในไม่กี่สัปดาห์ มุ่งเน้นในการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จากที่ใดก็ได้ในโลกนี้ (Work from Anywhere) จากประเทศสหรัฐฯ ภูเก็ต อุบลราชธานี หรือปาย แม่ฮ่องสอน
M – Modern Solution ใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อตอบรับการทำงานแบบ Remote Working ทั้งการเก็บข้อมูลและเข้าระบบผ่าน cloud สื่อสารด้วยระบบออนไลน์ต่างๆ ทั้งอีเมล แชท ประชุมออนไลน์ เครื่องมือการทำงานร่วมกันได้อย่างเรียลไทม์ แทนที่การใช้เอกสารด้วยดิจิตอล ลงชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบการรักษาความปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์การใช้งานที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกการพัฒนา และการสร้างสรรค์ผลงาน แบบไร้รอยต่อ
“จิตตะ เวลธ์ เป็นองค์กรขับที่เคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มาพร้อมกับการสนับสนุนการสร้างคุณค่าให้กับพนักงาน เพื่อส่งมอบบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า และสร้างแรงผลักดันให้เกิดนวัตกรรม ทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดด รวมถึงการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี สร้างความสุขให้กับพนักงาน ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและผลลัพธ์ของการทำงาน และด้วยแนวคิด TEAM เพื่อการขับเคลื่อนสู่มิติใหม่ของการทำงานนี้ ได้ผลักดันการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทฯ มีการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านการลงทุนที่เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้ผลตอบแทนชนะตลาด ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักลงทุน” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด กล่าว
ล่าสุด จิตตะ เวลธ์ ยังคงเดินหน้าขยายองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในการปฏิวัติการลงทุนระดับโลก ด้วยการเปิดโอกาสให้บุคลากรที่มีความสามารถ และมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยให้บรรดานักลงทุนเป็นล้านๆคนทั่วโลก สร้างผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นผ่านวิธีการลงทุนที่ไม่ซับซ้อน ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัด เข้ามาร่วมทัพกับทีมอันทรงพลัง คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้บรรลุวัตถประสงค์เดียวกันขององค์กรที่ได้ตั้งไว้ โดยเปิดรับบุคลากรเข้ามาร่วมงานในหลายตำแหน่งสวนกระแสวิกฤตโควิด-19
สำหรับข้อมูลในตำแหน่งงานที่เปิดรับ โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.jitta.com/careers นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังเปิดกว้างสำหรับตำแหน่งอื่นๆ ที่ผู้สมัครคาดว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตขององค์กรได้ โดยส่งประวัติการทำงานได้ที่ [email protected]
เกี่ยวกับ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด
สตาร์ทอัพ WealthTech ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล ช่วยบริหารจัดการความมั่งคั่งให้นักลงทุนรายย่อยด้วยเทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automated Investing) จัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ทั่วโลกให้เหมาะสมกับผู้ลงทุน ด้วยเทคโนโลยี AI ในการเลือกหุ้นเพื่อลงทุนใน “หุ้นดี ราคาถูก” และลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ที่พิสูจน์ว่าได้รับผลตอบแทนชนะตลาดในระยะยาว โดยมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 0.5% เพื่อผลประโยชน์แก่นักลงทุน สร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน และมีเวลาไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้เต็มที่ ผ่านการลงทุนในแผนลงทุนที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- Global ETF ซึ่งลงทุนใน ETF ทั่วโลก ทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ ผสานทฤษฎี Modern Portfolio (MPT) เข้ากับแนวทางการบริหารจัดการแบบ Passive
- Thematic ลงทุนในกองทุน ETF เฉพาะกลุ่มธุรกิจแห่งอนาคต หรือ MegaTrend ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง นักลงทุนสามารถดีไซน์พอร์ตตามที่ต้องการได้ จากทั้งหมด 16 ธีม
- Jitta Ranking ลงทุนในหุ้นตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่าของ Warren Buffett โดยใช้นวัตกรรม AI จัดอันดับหุ้น Jitta Ranking ที่เลือก “หุ้นดี ราคาถูก” มาไว้ในพอร์ตการลงทุน เปิดให้เลือก 4 ประเทศ ทั้งไทย สหรัฐฯ จีน และเวียดนาม