ซีอาร์จี เปิดแผนรุก ลงสนามเดลิเวอรี่ครึ่งปีหลัง 2564 ขนทัพแบรนด์อาหาร ‘ไทย-จีน’ เร่งการเติบโตในยุคโควิด-19

บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG ขนทัพแบรนด์อาหารกลุ่มธุรกิจ Thai & Chinese Cuisine “ไทยเทอเรส  อร่อยดี  เกาลูน  ส้มตำนัว” เปิดแผนรุกลงสนามเดลิเวอรี่โค้งสุดท้ายปี 64 งัดกลยุทธ์การตลาดแบบนิวนอร์มอล (New Normal) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เดินหน้าขยายธุรกิจ เร่งการเติบโตในยุคโควิด-19

สถานการณ์การระบาดโควิด-19  และการประกาศมาตรการคุมเข้มพื้นที่สีแดงเข้มให้ธุรกิจร้านอาหารจำหน่ายสินค้าให้เฉพาะซื้อกลับไปทานที่บ้านเท่านั้น ส่งผลให้แบรนด์ต่าง ๆ เร่งปรับตัวรับกับความท้าทายที่เกิดขึ้น

นายธนพล ธรรพสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Thai & Chinese Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด ประกาศขนทัพแบรนด์อาหารกลุ่มธุรกิจ Thai & Chinese Cuisine “ไทยเทอเรส  อร่อยดี  เกาลูน  ส้มตำนัว” พร้อมเดินหน้าแผนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 พร้อมมุมมองการทำธุรกิจอย่างไรให้เติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจร้านอาหารประเทศไทย

ธุรกิจร้านอาหารประเทศไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2564 ในมุมมองของ นายธนพล เปิดเผยว่า ภาพรวมยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของการระบาดโควิด-19 ที่มีผลให้สภาพแวดล้อมธุรกิจร้านอาหารต้องปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งจากมาตรการการควบคุมการระบาดของภาครัฐ  และกำลังซื้อของผู้บริโภคซึ่งก็ได้รับผลจากการปรับตัวของการจ้างงานเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วคาดการณ์ว่า ธุรกิจร้านอาหารที่มีมูลค่าประมาณ 4  แสนล้านบาท จะขยายตัวเพียง  1.4 – 2.6%

ตลาดเปลี่ยน ธุรกิจต้องปรับ

จากปัจจัยที่มีผลกระทบกับธุรกิจอาหารในภาพรวมนำมาสู่การปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อให้เกิดการแข่งขันได้ โดยในส่วนของ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ ซีอาร์จี (CRG) ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างของการบริหาร และปฏิบัติงาน มุ่งเน้นในการบริหารจัดการในแต่ระบบให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น

  1. แผนการบริหารจัดการต้นทุน มุ่งเน้นบริหารจัดการ อาทิ พัฒนาทักษะพนักงาน (Multi-Function) โดยดึงศักยภาพของพนักงานให้สามารถทำได้หลายหน้าที่, วัตถุดิบ มีการบริหารจัดการต้นทุน ควบคุมการสูญเสีย  รวมไปถึงการจัดหาพื้นที่ทำ Delivery และการเจรจาค่าเช่าที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการต้นทุนและการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
  2. กลยุทธ์การตลาด รุกต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์เป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภค ทุกคนล้วนมีประสบการณ์เคยสั่งอาหารจากร้านมาทาน รู้สึกประทับใจ ผูกพัน เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน โดยทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งเน้นหนักให้ขับเคลื่อนด้วยดาต้า (Data – Driven Everything) ซึ่งลูกค้าที่สั่งออนไลน์อาหารมีมากกว่า 90% ทั้งช่องทาง Google trend, Tiktok, Twitter เป็นต้น
  3. เลือกใช้ผู้นำเทรนด์ เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคคนรุ่นใหม่ รับรู้จากสื่อออนไลน์ ดังนั้นการสื่อสารเมนูใหม่ๆ ผ่าน KOLs, Food Influencer มีผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
  4. โปรโมชั่นส่งเสริมการขาย แบรนด์ TCC เน้นเรื่องความแตกต่าง โปรโมชั่น ราคา และภาพลักษณ์ของสินค้า เข้าถึงลูกค้ามากที่สุด

ผลประกอบการครึ่งปีแรกน่าพอใจ

ผลการดำเนินงานของ Thai & Chinese Cuisine ครึ่งปีแรกของปี 2564 ภาพรวมเติบโตขึ้น 10% โดยตัวเลขรายได้ ในปี 2653 อยู่ที่ประมาณ 270 ล้าน ซึ่งการเติบโตมาจากการพัฒนาโมเดลใหม่เพิ่มเติม อาทิ คีย์ออส (Kiosk) รวมถึงการขยายสาขา อย่างต่อเนื่อง

เปิดแผนงานครึ่งปีหลัง

นอกจาก การปรับโครงสร้างของการบริหารงานระบบแล้ว  ในส่วนของพื้นที่ร้าน และทำเลที่ตั้งร้าน ทางกลุ่มก็ได้ปรับเพื่อให้เหมาะกับสัดส่วนการขายและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งในภาพรวม มีการแบ่งสัดส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายเอาไว้อย่างชัดเจนทั้งช่องทาง การนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน ( Dine In & Take away ) และ เดลิเวอรี่ (Delivery)

ในปี 2563  การนั่งทานที่ร้านและซื้อกลับบ้าน มีสัดส่วนที่ 70 % ขณะที่ปี 2564 ปรับลดสัดส่วนลงมาที่ 60 % ด้านช่องทางการขาย เดลิเวอรี่ ในปี 2563 มีสัดส่วน 30 % ส่วนในปี 2564 อยู่ที่ 40 %

ทั้งนี้ ในภาพรวมของการขาย เป็นไปเพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของสาขาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของภาพรวมธุรกิจอาหาร การควบคุมการระบาดโควิด-19  และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลาทำงานและอยู่ที่บ้านมากกว่า

สำหรับจำนวนสาขา ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 67 สาขา ทุกสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร  แบ่งเป็น แบรนด์ไทยเทอเรส มีจำนวน 17 สาขา  อร่อยดี 33 สาขา เกาลูน  10 สาขา ส้มตำนัว 7 สาขา นอกจากนี้ ยังมี แบรนด์ โตเกียว โบวล์ (Tokyo Bowl) ซึ่งเป็น Virtual Brand อีก 50 สาขา

สมรภูมิเดลิเวอรี่ เกมนี้ CRG พร้อมมาก

“เดลิเวอรี่จะเติบโตอย่างมากต่อจากนี้ โดยเป็นการโตได้มากเป็นเท่าตัว ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการปรับตัว และการพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดใหม่ ๆ เช่น Fantastic 4 การสั่งอาหารที่ทำได้ครบจบในแอปเดียวแบบ 4 in 1 โดยสามารถ เลือกช้อปสุดยอด 50 เมนูฮอตจาก 4 ร้านดัง อร่อยดี, Tokyo Bowl รวมเมนูเด็ดข้าวหน้าสไตล์ญี่ปุ่น, เจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ และเจ๊เกียงหมูทอด ข้าวเหนียวนุ่มได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว” นายธนพล กล่าว และว่า  นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเมนู Take away และเน้นสัดส่วนการขายเดลิเวอรี่มากขึ้น เพิ่มโลเคชั่นหาพื้นที่ Cloud Kitchen รองรับการขายเดลิเวอรี่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง

รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยดาต้า (Data – Driven Everything) ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยเฉพาะออนไลน์มากกว่า 90% เช่น Google trend, Tiktok, twitter เป็นต้น

นอกจากการพัฒนาระบบหลังบ้าน และ เพิ่มขีดความสามารถในแนวรุกของตลาดออนไลน์แล้ว อีกอาวุธสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังมาจากแบรนด์ใหม่ล่าสุด “ส้มตำนัว” ที่จะเข้ามาเสริมทัพแบรนด์ในกลุ่มและขยายฐานลูกค้าให้หลากหลาย โดยเน้นสัดส่วนการขายนช่องทางดลิเวอรี่เป็นหลัก

CSV ส่งมอบความอร่อยเพื่อสังคม

จากกลยุทธ์ขยายธุรกิจที่ต้องเร่งขยายตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมของธุรกิจอาหารที่เปลี่ยนไป ในอีกด้าน CRG ได้ให้ความสำคัญกับการเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์เพื่อสังคม ล่าสุด เปิดโครงการ Meal for You จัดส่งอาหารปรุงสุก 3 มื้อทุกวัน จากร้าน “อร่อยดี” และแบรนด์อื่น ๆ ให้ผู้ป่วยสีเขียวที่กักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ในรัศมี 10  กม. ของโรงพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ผ่านแกร็บเอ็กซ์เพรส

รวมถึงบริการที่เรียกว่า Food For Hero ส่งต่อความสุข ความอร่อย ให้ทีมแพทย์ พยาบาลด่านหน้า ด้วยเมนูราคาเริ่มต้น 39 บาท และรับส่วนลดสูงถึง 10%

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายธนพล กล่าวสรุปว่า ทุกแบรนด์ต้องเร่งปรับตัว และปรับกลยุทธ์ให้รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายช่องทางการขาย โมเดลใหม่ เช่น บริการเดลิเวอรี่ รวมถึงการพัฒนาเมนู ราคา และโปรโมชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค