Bebesup ทิชชู่เปียกรักษ์โลก ชูความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ ชูจุดแข็งปลอดภัย สะอาด และเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม จับมือ LocknLock ส่งแคมเปญเจาะตลาดครอบครัวยุคใหม่

{"subsource":"done_button","uid":"03E7703A-73A3-4984-9C38-8B4D524E6EAA_1634274128202","source":"other","origin":"gallery","is_remix":false,"used_premium_tools":false,"used_sources":"{"version":1,"sources":[]}","source_sid":"03E7703A-73A3-4984-9C38-8B4D524E6EAA_1634274128224","premium_sources":[],"fte_sources":[]}

Bebesup (เบเบ้ซุป) ผลิตภัณฑ์ทิชชู่เปียกรักษ์โลก แบรนด์ขายดีอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ จับมือพันธมิตร LocknLock (ล็อก แอนด์ ล็อก) แบรนด์สินค้าเครื่องใช้เครื่องครัวภายในบ้าน จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านกลยุทธ์ Collaboration แบบ 360 องศา ตั้งเป้าเจาะตลาดครอบครัวยุคใหม่ พร้อมสร้างการรับรู้ของจุดแข็งผลิตภัณฑ์ด้วยคอนเซปต์ “SAFE, CLEAN, ECO” ปลอดภัย สะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพและรักษ์โลก

นางสาวพิกุลแก้ว เพ็ชร์สีสม กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลิมโก้ พลัส จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่าย “Bebesup” (เบเบ้ซุป) ผลิตภัณฑ์ทิชชู่เปียกรักษ์โลก การันตีโดยสถาบันวิจัย Baby Skin Lab และเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเกาหลีใต้ ทั้งยังมีห้องวิจัยเกี่ยวกับผิวเด็กโดยตรงเพียงยี่ห้อเดียว และมีโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ได้รับความนิยมจากคนทั่วทุกทวีป เอเชีย ยุโรป และอเมริกา เปิดเผยว่า กระแสรักษ์โลกและใส่ใจสุขภาพ เป็นเทรนด์ที่มีการตอบรับจากผู้บริโภคทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ยิ่งเกิดการระบาดของ COVID ก่อให้เกิดการตื่นตัวเรื่องสุขอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดทิชชู่เปียกในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นสินค้าติดกระเป๋าสำหรับทุกคน โดยปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมสูงกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตขึ้นกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้

“ที่ผ่านมายังไม่มีแบรนด์ทิชชู่เปียกในระดับพรีเมียมที่ใช้วัสดุคุณภาพสูงมาทำตลาดในเมืองไทยมากนัก จึงทำให้เล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาเพิ่มเซ็กเม็นต์สร้างทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มองหาทิชชู่เปียกแบบพรีเมียม ที่จะตอบโจทย์ความต้องการทั้งในด้านคุณภาพของสินค้าที่ทำจากธรรมชาติปลอดภัย 100% อีกทั้งทิชชู่เปียกยังมีกระบวนการกรองผ่านเยื่อกรองที่มีความละเอียดสูง (Reverses Osmosis Membranes) ในการช่วยกรองโลหะหนัก สารเคมีปนเปื้อน แบคทีเรีย เชื้อรา และอื่นๆ ออก เหลือเพียงโมเลกุลของน้ำบริสุทธิ์เท่านั้นที่ผ่านได้  ปลอดภัย สะอาด อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง สามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กทารกจนถึงผู้ใหญ่ รวมถึงยังเป็นทิชชู่เปียกที่ผลิตจากใยเรยอน 100%  (Biodegradable) เพื่อคงประสิทธิภาพ ทั้งการซึมซับน้ำได้ดี เหนียวนุ่ม และสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติทั้งตัวทิชชู่เปียกและฝาปิด (cap) ที่เป็นส่วนบรรจุภัณฑ์ก็สามารถย่อยสลายได้ โดยหลังจากที่เริ่มนำ Bebesup เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยได้เกือบ 2 ปีถือได้ว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้านยุคใหม่และคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้ที่ผ่านมามียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ต่อปี” นางสาวพิกุลแก้ว กล่าวเสริม

ด้าน นางธมณณัฏฐ์ หัตถกิจวิไล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ล็อก แอนด์ ล็อก (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า LocknLock เป็นแบรนด์ชั้นนำเรื่องเครื่องครัวเครื่องใช้ภายในบ้านสัญชาติเกาหลีใต้ ที่มีความโดดเด่นในเรื่องคุณภาพและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ในสไตล์มินิมอลและสะดวกในการใช้งาน รวมถึงความปลอดภัยที่ตอบโจทย์การใช้เป็นผลิตภัณฑ์ใส่อาหาร ด้วยวัสดุแก้วโบโลซิลิเกต คุณภาพดีทนความร้อนและความเย็นได้สูง ปราศจากสารตั้งต้นการก่อมะเร็ง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ LocknLock

“ที่ผ่านมาตลาดของกล่องอาหารในไทย รวมถึง food container และบรรจุภัณฑ์อาหารอื่น ๆ มีมูลค่า 2,300-2,600 ล้านบาท และมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องที่มีปัจจัยบวกสำคัญมาจากกระแสการดูแลสุขภาพและรักษ์สิ่งแวดล้อมจึงทำให้ความนิยมใช้กล่องบรรจุอาหารแทนพลาสติกแบบ single use หรือใช้แล้วทิ้งเพิ่มสูงขึ้น โดยมีอัตราการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์กล่องถนอมอาหารเพิ่มขึ้น 2-3% ต่อปี นอกจากนี้เพื่อเป็นการขยายโอกาสในการเติบโตทาง LocknLock ได้มีการพัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้แบรนด์มีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่ม food container สูงถึงกว่า 29% และมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี”  นางธมณณัฏฐ์ กล่าว

ล่าสุด ด้วยความมุ่งมั่นอยากให้คนไทยได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มาพร้อมความปลอดภัย ใส่ใจธรรมชาติ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม “Bebesup” ได้จับมือเป็นพันธมิตร “LocknLock” แบรนด์ชั้นนำเครื่องครัวเครื่องใช้ภายในบ้านจากเกาหลีใต้ จัดแคมเปญร่วมกันผ่านกลยุทธ์ Collaboration แบบ 360 องศา เพื่อสร้างการรับรู้และเจาะตลาดครอบครัวยุคใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “SAFE, CLEAN, ECO” ที่ถือเป็นจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์ โดย “LocknLock” ได้มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์พิเศษกล่องแก้วถนอมอาหารเด็ก (Baby Food Container) รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น ที่มีโลโก้ Bebesup โดยกล่องแก้วถนอมอาหารเด็กรุ่นพิเศษนี้ ผลิตด้วยวัสดุแก้วโบโลซิลิเกต คุณภาพดีทนความร้อนและความเย็นได้สูง ปราศจากสารตั้งต้นการก่อมะเร็ง โดยลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Bebesup ตามเงื่อนไขของแคมเปญ จะได้รับกล่องแก้วถนอมอาหารเด็กรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นทันที และลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ LocknLock ผ่านช่องทาง Official website และ Line Shopping จะได้รับทิชชู่เปียกพรีเมียม Bebesup Nature Gold มูลค่า 180 บาท จำนวน 1 ชิ้นฟรี ทันทีเมื่อสั่งซื้อชุดกล่องถนอมอาหารสำหรับเด็ก LocknLock แบบใดก็ได้ 1 เซ็ต ในราคาพิเศษ 459 บาท จากราคาปกติ 489 บาท รวมถึงกิจกรรมพิเศษที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 เพื่อการสร้างการรับรู้บนโซเชียลมีเดียโดยเชิญชวนคุณแม่และน้อง ๆ ที่มีอายุระหว่าง 5 เดือนถึง 1 ปี เข้าร่วมสนุกในกิจกรรม มื้ออร่อยของหนูด้วยการถ่ายภาพน่ารัก ๆ ของลูกน้อยในขณะทานอาหารในช่องทางโซเชียลต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนด สำหรับรูปที่ได้รับการคัดเลือก รับไปเลยรางวัลพิเศษสุดพรีเมียมจากแบรนด์จำนวน 5 รางวัล โดยผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลกิจกรรมได้ทาง FB: @bebesupth, @LockandLockThailand หรือ IG @bebesup.th, @locknlock_Thailand

“ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งแรกในประเทศไทยของ 2 แบรนด์ใหญ่สัญชาติเกาหลีใต้ ที่แม้จะเป็นสินค้าคนละกลุ่ม แต่ทั้งคู่ต่างมี Brand Value ที่เหมือนกัน คือ ความปลอดภัย ความสะอาด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นสินค้าที่เน้นกลุ่มครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายคล่องตัว และมั่นใจในการใช้สินค้า โดยภายใต้แคมเปญนี้มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างการรับรู้หรือ Brand Awareness ให้กับ Bebesup และ LocknLock ในกลุ่มครอบครัวและแม่บ้านยุคใหม่ รวมถึงการขยายตลาดของทั้งสองแบรนด์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่แตกต่างกัน โดยฐานลูกค้าของ Bebesup จะอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตพรีเมียม อาทิ ฟู้ดแลนด์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และวิลล่า มาร์เก็ท ร้านขายสินค้าสุขภาพ และร้านขายสินค้าแม่และเล็ก รวมถึงช่องทางออนไลน์ ทั้ง Lazada และ Shopee ในขณะที่ LocknLock จะเน้นการจัดทำโปรโมชั่นทางกรุ๊ปไลน์แม่และเด็ก เว็บไซต์ และ LINE Shopping จึงถือได้ว่าแคมเปญนี้จะเป็นการขยายการรับรู้ ตอกย้ำจุดแข็งของทั้งสองแบรนด์ผ่านกิจกรรมการสื่อสารการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งขยายโอกาสให้ทั้งสองแบรนด์ได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย”  นางสาวพิกุลแก้ว กล่าวในตอนท้าย