อาลีบาบา กรุ๊ป จัดงานแถลงข่าวออนไลน์เกี่ยวกับมหรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 (11.11 Global Shopping Festival) ปีที่ 13 สำหรับสื่อมวลชนจากภูมิภาคเอเชีย
ผู้บริหารนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และขนาดของงานในปีนี้ รวมถึงการสนับสนุนผู้ขายในมหกรรม 11.11 จากอีโคซิสเท็มของอาลีบาบา และไฮไลท์สำคัญในมหกรรมซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา
ในระหว่างกล่าวเปิดงาน คริส ต่ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด อาลีบาบา กรุ๊ป ได้กล่าวถึงพัฒนาการของมหกรรม 11.11 นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเรียบง่ายเมื่อ 13 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันที่กลายเป็นมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งปีนี้มีแบรนด์เข้าร่วมมากกว่า 290,000 แบรนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40,000 แบรนด์ และมากที่สุดนับตั้งแต่จัดมหกรรมช้อปปิ้งนี้มา
จากนั้น คริส ต่ง ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของมหกรรม 11.11 ในอดีตที่ผ่านมา ที่เปลี่ยนจากเพียงงานช้อปปิ้งมาเป็นการสร้างคุณค่าให้ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยในปีนี้มาพร้อมธีมการมีส่วนร่วม (inclusivity) และความยั่งยืน ซึ่งทำให้การจัดงานมีความหมายมากขึ้นไปอีก โดยมุ่งมีบทบาทในการส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม
โครงการใหม่ด้านความยั่งยืนและสินค้าเพื่อสังคมในมหกรรม 11.11 ปีนี้
- เพื่อสิ่งแวดล้อม
o โปรโมตสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม นับเป็นครั้งแรกที่ทีมอลล์ (Tmall) จะเพิ่มส่วนที่แสดงสินค้าประหยัดพลังงานและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังแจกคูปอง “สีเขียว” มูลค่ารวม 500 ล้านบาทให้กับลูกค้า เพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าที่ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
o ร่วมกับแบรนด์ในการลดรอยเท้าคาร์บอน – อาลีบาบาจะทำงานร่วมกับแบรนด์พันธมิตรในปีนี้เพื่อพัฒนาสินค้าที่สร้างรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) น้อยลง และใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้
o รีไซเคิลกล่องพัสดุ – ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของอาลีบาบา ยังเปิดตัวจุดรับรีไซเคิลกล่องบรรจุภัณฑ์ 60,000 จุด ภายในศูนย์บริการของไช่เหนียว 10,000 แห่ง ใน 20 เมืองทั่วจีน ให้ผู้ซื้อนำกล่องพัสดุมารีไซเคิลได้
o อาลีบาได้เริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่มหกรรมช้อปปิ้งกลางปี 618 ซึ่งในมหกรรม 11.11 ก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยลดรอยเท้าคาร์บอนเช่นกัน โดย หลี่ เช็ง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป คาดว่าเทคโนโลยีสีเขียวของอาลีบาบาจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนต่อหนึ่งคำสั่งซื้อในมหกรรม 11.11 ได้สูงสุด 30% เมื่อเทียบกับงานในปีที่แล้ว
- ช่วยเหลือสังคมผ่านโครงการ “สินค้าเพื่อสังคม”
o โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” หรือ Goods for Good ของอาลีบาบา เริ่มต้นขึ้นในปี 2549 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อก็สามารถช่วยสนับสนุนองค์กรการกุศลที่ชื่นชอบด้วยการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่สนับสนุนองค์กรเหล่านั้น
o นับจนถึงปัจจุบัน โครงการ “สินค้าเพื่อสังคม” ได้ช่วยเหลือองค์กรการกุศลต่างๆ แล้วมากกว่า 3 ล้านครั้ง ทั้งการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และติดตั้งระบบกรองน้ำให้โรงเรียนในชนบท 20,000 โรง รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันผู้สูงอายุในจีนที่อยู่โดดเดี่ยว 500,000 มื้อ
จากนั้น หลีชิง เฉิน หัวหน้าฝ่ายการตลาดของมหกรรม 11.11 ปีนี้ ขึ้นมากล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อบนแพลตฟอร์มที่มีอยู่มากกว่า 900 ล้านคน และเป้าหมายในการมอบประสบการณ์ค้าปลีกแบบมีปฏิสัมพันธ์และตรงใจ ซึ่งในการเตรียมงานของมหกรรมปีนี้มีแนวทาง 3 ด้านที่อาลีบาบาใช้เพื่อสนับสนุนลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น
จุดเด่นของมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ปี 2564
- เปิดให้พรีเซลล์สินค้าก่อนงานจริง มหกรรม 11.11 ในปีนี้ยังคงเพิ่มการจัดงานเป็น 2 ช่วงเหมือนในปีที่แล้วเพื่อเพิ่มความสนุกในการช้อปปิ้งให้กับผู้บริโภค แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการเริ่มเปิดช่วงพรีเซลล์ก่อนเริ่มขายจริง 4 ชั่วโมง คือตั้งแต่ 20.00 น. ตามเวลาจีน ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่จะเริ่มตอนเที่ยงคืน เพื่อให้ลูกค้าไม่ต้องรออยู่จนดึกเพื่อซื้อสินค้า
- เพิ่มส่วนลดและของแถม มหกรรมในปีนี้เพิ่มการซื้อสินค้าเพื่อรับส่วนลดมากขึ้นได้จากหลายร้าน ลูกค้าจึงสามารถรับส่วนลดมากขึ้นจากการซื้อสินค้าหลายๆ ร้านหรือแบรนด์ได้
- เพิ่มฟีเจอร์เพื่อแชร์ไปยังเพื่อนและครอบครัว จากความต้องการของผู้บริโภคที่อยากแชร์สิ่งที่ตนซื้อในมหกรรม 11.11 ให้คนอื่นๆ ได้เห็นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ อาลีบาบาจึงเปิดตัวส่วนที่แสดงสินค้าที่พลาดไม่ได้ในมหกรรม 11.11 และฟีเจอร์ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ตะกร้าสินค้าไปบนโซเชียลมีเดียของตนได้
ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งให้คนทุกวัย
- เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” ในแอปเถาเป่า (Taobao) ตามธีมในปีนี้ที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนทุกกลุ่ม ก่อนมหกรรม 11.11 ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เถาเป่าจึงได้เปิดตัว “โหมดสำหรับผู้สูงวัย” สำหรับผู้สูงอายุที่ซื้อสินค้าบนเถาเป่า ฟีเจอร์นี้ขนาดตัวอักษรและไอคอนที่ใหญ่ขึ้น มีรูปแบบการใช้ไม่ซับซ้อน และมีเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียงบนแอป
- แนะนำสินค้าสำหรับคน Gen Z เนื่องจากคนกลุ่ม Gen Z กำลังเข้ามามีบทบาทในการช้อปปิ้งมากขึ้น ทีมอลล์จึงเพิ่มการแนะนำสินค้าที่กำลังมาแรง ซึ่งตรงกับความสนใจของคนกลุ่มนี้ เช่น สินค้าในธีมจีนดั้งเดิม ของเล่นแนวอาร์ต และกล่องสุ่ม
อนิต้า อู๋ ผู้จัดการทั่วไป ทีมอลล์ โกลบอล กล่าวถึงการทำงานของทีมอลล์ โกลบอล ในการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับการช้อปปิ้งข้ามแดน และการจัดการความท้าทายด้านซัพพลายเชน ไปจนถึงการเพิ่มการสนับสนุนและทำงานร่วมกับแบรนด์จากต่างประเทศ เพื่อช่วยให้แบรนด์เหล่านั้นเข้าถึงความต้องการสินค้านำเข้าที่หลากหลายของผู้บริโภคจีน
- ความต้องการซื้อสินค้านำเข้ามีมากขึ้นในจีน เนื่องจากโรคระบาดทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ ผู้บริโภคจีนจึงหันมาซื้อสินค้าแบรนด์ต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างทีมอลล์ โกลบอล
o ตัวอย่างของเทรนด์นี้เห็นได้จากมูลค่าการซื้อสินค้านำเข้าในจีนในระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน 2564 อยู่ที่ราว 35 ล้านล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 25% เมื่อเทียบกับ 4 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา
- มีพฤติกรรมช้อปปิ้งที่หลากหลายมากขึ้น มีความต้องการซื้อสินค้านำเข้าจากแบรนด์นิช (niche) และสินค้าเฉพาะกลุ่ม ที่หลากหลายกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคชนชั้นกลางที่เป็นผู้หญิงกำลังค่อยๆ เปลี่ยนจากแค่เพียงซื้อของเข้าบ้านให้ครอบครัว เป็นการช้อปปิ้งให้ตนเอง
o ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำสำหรับทารกจากฝรั่งเศสแบรนด์หนึ่ง ที่ขายอยู่บนทีมอลล์ โกลบอล พบว่าแชมพูแบบไม่ต้องใช้น้ำมียอดขายเพิ่มขึ้นในกลุ่มแม่ชาวจีน โดยเพิ่มขึ้น 300% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้ว
จุดแข็งและนวัตกรรมของทีมอลล์ โกลบอล
- ความพร้อมในการส่งสินค้าจากต้นทางถึงปลายทาง ทีมอลล์ โกลบอล มีพื้นที่ในคลังสินค้าทัณฑ์บน (Bonded Warehouse) หรือพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เก็บสินค้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร ถึง 20,000 ตารางเมตร จึงมีศักยภาพด้านซัพพลายเชนสูง ในการจัดเก็บสินค้านำเข้าเพื่อรอส่งผ่านโลจิสติกส์ให้ผู้บริโภคชาวจีน
- โซลูชั่นที่หลากหลายสำหรับธุรกิจต่างๆ สำหรับแบรนด์ต่างประเทศที่ไม่ได้บริหารจัดการร้านแฟลกชิปเอง ทีมอลล์ โกลบอล ก็มีโซลูชั่นค้าปลีกเต็มรูปแบบที่ช่วยดูแลการดำเนินงานค้าปลีกให้กับแบรนด์ที่เข้ามาทำตลาดในจีนด้วย
- ฟีเจอร์ “ค้นหาสินค้าใหม่” เพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างประเทศ ทีมอลล์ โกลบอล ได้เพิ่มฟีเจอร์แนะนำสินค้าจากผู้บริโภคที่เป็นผู้นำทางความคิด หรือ Key Opinion Consumer เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคจีนได้รู้จักสินค้าใหม่ๆ จากต่างประเทศผ่านวิดีโอสั้นในฟีเจอร์ “New Discoveries”