กสิกรไทยประกาศจุดยืนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

กสิกรไทยประกาศจุดยืนปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงาน (ขอบเขตที่ และ 2) ภายในปี 2573 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร สอดคล้องกับเป้าหมายประเทศ พร้อมอัดฉีดเงินไม่น้อยกว่า 1แสนล้านบาท สนับสนุนการเงินและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน 

ธนาคารกสิกรไทยประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของธนาคาร (ขอบเขตที่ และ 2)* ภายในปี 2573 (ค.ศ.2030) พร้อมกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอของธนาคาร สอดคล้องกับเป้าหมายประเทศ และบุกบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  เตรียมอัดฉีดเงินอย่างน้อย 1แสนล้านบาท ปล่อยสินเชื่อและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน สนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์  มุ่งสนับสนุนความพยายามของประชาคมโลกในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (ค.ศ. 2050) เพื่อร่วมบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องตามความตกลงปารีส

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืนชั้นนำของประเทศอย่างต่อเนื่อง ธนาคารสนับสนุนความพยายามของประชาคมโลกในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อร่วมบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันประเทศไทยและลูกค้าของธนาคารที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจทั้งภูมิภาค ก้าวสู่เศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน โดยคณะกรรมการธนาคารกสิกรไทยมีมติในการประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ได้แก่

1. ธนาคารกสิกรไทยมุ่งมั่นที่จะดำเนินการเพื่อเพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิตและธุรกิจของลูกค้า และพร้อมสนับสนุนลูกค้าก้าวสู่เศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ ความยั่งยืนได้ฝังแน่นในวิถีการดำเนินธุรกิจและการให้บริการลูกค้าของธนาคาร

2.  ธนาคารมุ่งมั่นให้การสนับสนุนประเทศไทยและลูกค้าของธนาคารที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจทั้งภูมิภาค ในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งจะสนับสนุนความพยายามของประชาคมโลกในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593 (ค.ศ.2050) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายความตกลงปารีส

3. ธนาคารมุ่งมั่นเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืนชั้นนำของประเทศไทย โดยสนับสนุนด้านการเงินและการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ไม่น้อยกว่า 1-2 แสนล้านบาท ภายใน พ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) และจะเป็นผู้บุกเบิกการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

4. ธนาคารกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของธนาคาร (ขอบเขตที่ 1 และ 2)* ภายใน พ.ศ. 2573 (ค.ศ.2030) รวมทั้งกำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในพอร์ตโฟลิโอของธนาคารให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย และจะเร่งดำเนินการในส่วนที่เป็นไปได้ให้รวดเร็วขึ้น ซึ่งธนาคารจะประเมินโอกาสทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อดำเนินงานอย่างทันท่วงทีสอดคล้องกับเทคโนโลยี กฎระเบียบต่าง ๆ รวมทั้งสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีวิวัฒนาการตลอดเวลา

นางสาวขัตติยา กล่าวตอนท้ายว่า ธนาคารเชื่อมั่นในการดำเนินงานบนหลักการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน ที่ให้ความสำคัญไม่ใช่เพียงมิติสิ่งแวดล้อม แต่รวมถึงมิติสังคม และธรรมาภิบาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารให้ความสำคัญในการสร้างการเข้าถึงบริการทางการเงิน การให้ความรู้ทางการเงิน การเคารพสิทธิมนุษยชน การดูแลพนักงาน ชุมชน และสังคม ภายใต้การดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี รวมทั้งการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาวต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ด้วยเชื่อว่าความยั่งยืนไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งธนาคารพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันเพื่อให้การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปได้ และสามารถส่งมอบโลกที่สมดุลและยั่งยืนให้แก่คนรุ่นต่อไป