JAPAN MALL (ไทย) 2021 รอบ 2 เจโทรขยายช่องทางจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ผ่านช้อปปี้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่และ หน้าร้านขายยา “มัทสึโมโตะ คิโยชิ” และ “ซูรูฮะ”

ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว เจโทร กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) ดำเนินโครงการ “JAPAN MALL (ไทย)” เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากญี่ปุ่นผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก สำหรับโครงการในปีนี้ได้เริ่มจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง “Lazada” และแพลตฟอร์มเครื่องสำอางรายใหญ่อย่าง “Konvy” แล้วตั้งแต่วันที่ สิงหาคม ซึ่งในระยะเวลาประมาณ เดือนตั้งแต่เริ่มโครงการนั้น ยอดขายรายเดือนของปีนี้ได้เพิ่มมากถึงประมาณ เท่าเทียบกับโครงการปีก่อนเรียบร้อยแล้ว

ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจะมีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางออนไลน์ใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยทุกท่านมีโอกาสซื้อผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มการจำหน่ายที่หน้าร้านด้วย สำหรับทางออนไลน์ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง “Shopee” จะมาเข้าร่วมโครงการ “JAPAN MALL (ไทย) เป็นครั้งแรก เพื่อให้ผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซเข้าถึงสินค้าในวงกว้างยิ่งขึ้น ในส่วนของหน้าร้านจะมีการจัดมุมพิเศษสำหรับ “JAPAN MALL (ไทย) 2021” ตามหน้าร้าน 41 สาขาของร้านขายยาจากญี่ปุ่นอย่าง “มัทสึโมโตะ คิโยชิ” และ “ซูรูฮะ” เพื่อผนึกกำลังระหว่างการจำหน่ายทางออนไลน์ควบคู่กับออฟไลน์

หมวดสินค้าหลักใน “JAPAN MALL (ไทย) 2021” คือ “สุขภาพกับความงาม” ซึ่งได้รวบรวมเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากทั่วญี่ปุ่น และมีผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก มากถึง 1,514 ประเภทจาก 111 แบรนด์สินค้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนได้รับการคัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั่วประเทศญี่ปุ่นโดยความร่วมมือของบายเออร์สินค้าญี่ปุ่นในประเทศไทย (บริษัทนำเข้าเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวัน) อย่าง “โมริโตโม” “อาราตะ” และ โอยามา” โดยเฉพาะในปีนี้เทรนด์ความใส่ใจดูแลสุขภาพและสุขอนามัยทั้งทางร่างกายและจิตใจได้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากผลกระทบการระบาดของโควิด19 จึงได้เพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะหมวดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและดูแลผิวหน้าและผิวกาย เช่น ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและผลิตภัณฑ์สกินแคร์

ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยขยายตัวอย่างรวดเร็วจึงทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากญี่ปุ่นได้อย่างสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น เจโทรจึงมุ่งมั่นและขอมีส่วนร่วมในการบุกเบิกตลาดและขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างขวางมากขึ้นเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคแก่บริษัทญี่ปุ่น และเพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้นได้รับรู้ข้อดีของผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่น ผ่านโครงการ “JAPAN MALL (ไทย) 2021

นายทาเคทานิ ประธาน เจโทร กรุงเทพฯ (JETRO Bangkok) กล่าวเสริมว่า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ประเทศไทยพบว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในปี 2564 เติบโตขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนและคาดว่าจะมีมูลค่า ล้านล้านบาท ประเทศไทยจึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและเติบโตขึ้นทุกปี ส่วนโครงการ “JAPAN MALL (ไทย) 2021” ที่เริ่มมาได้เพียง เดือนตั้งแต่เดือนสิงหาคม ก็มียอดขายรายเดือนพุ่งสูงถึงประมาณ เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนแล้ว ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจโครงการนี้ ผมรู้สึกดีใจที่ผู้บริโภคชาวไทยทุกท่านได้ลองใช้เครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันจากญี่ปุ่นผ่านโครงการนี้และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปนี้จะได้รับความร่วมมือเพิ่มเติมจาก “Shopee” มัทสึโมโตะ คิโยชิ” และ “ซูรูฮะ” ซึ่งจะทำให้โครงการ “JAPAN MALL (ไทย) 2021” ขยายวงกว้างยิ่งขึ้นในตลาดไทยที่เต็มไปด้วยศักยภาพ ผมหวังว่าโครงการนี้จะช่วยให้ชาวไทยได้พบกับเครื่องสำอางและของใช้ในชีวิตประจำวันที่ถูกใจจากญี่ปุ่น เพื่อให้การแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นเติบโตยิ่งๆ ขึ้นต่อไป