บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (“VGI”) ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชั่นส์ ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564/65 บริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้โดยรวมแล้วบริษัทฯมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 9 ล้านบาท อย่างไรก็ตามรายได้จากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 28.7% YoY หรือ 923 ล้านบาท ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตของกลุ่มแรบบิท (“Rabbit Group”) รวมถึงการควบรวมผลการดำเนินงานของบริษัทแฟนสลิ้งค์คอมมูนิเคชั่นจำกัด (“Fanslink”)
คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯต้องเผชิญกับความท้าทายเป็นอย่างมากจากการระบาดใหญ่อีกครั้งของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีความผันผวนจึงทำให้ภาครัฐเพิ่มข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทฯ โดยเฉพาะธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยสื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้อยู่ที่ 294 ล้านบาทลดลง 38.8% YoY และมีรายได้จากธุรกิจดิจิทัล 629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165.2% YoY โดยมีสาเหตุหลักจากการเติบโตของ Rabbit Group และการควบรวมงบการเงินของ Fanslink เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 อีกทั้งในไตรมาสนี้ VGI ยังได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจค้าปลีกเพิ่มเติมผ่านการลงทุน 15% ในบริษัทเจมาร์ทจำกัด (มหาชน)(“Jaymart”) ซึ่งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถสร้าง Synergy ร่วมกันรวมถึงการให้บริการ Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชั่นส์ของ VGI แก่กลุ่มบริษัท Jaymart และการใช้พื้นที่บนสถานีบีทีเอสเป็นจุดรับสินค้าและบริการ รวมทั้งการขยายเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของ Fanslink ไปยังเครือข่ายทั่วประเทศของ Jaymart และบริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมกันนี้ VGI ยังได้เรียนรู้นวัตกรรมทางธุรกิจ Fin Tech จาก Jaymart อีกด้วยสำหรับทิศทางดำเนินงานและพัฒนาการสำคัญของกลุ่มบริษัทฯแม้ธุรกิจสื่อโฆษณาจะได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ VGI ยังคงมุ่งมั่นเพิ่มศักยภาพให้การสื่อสารทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการสร้าง Engagement บนทุกแพลตฟอร์มของบริษัทฯ โดยในช่วงที่ผ่านมาเราได้ค้นพบเทรนด์ใหม่สำหรับสื่อโฆษณานอกบ้านที่ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มอันยอดเยี่ยมในการสร้างปฎิสัมพันธ์ระหว่างเหล่าแฟนคลับกับศิลปินคนดัง เนื่องจากสามารถส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้พบเห็นได้มากกว่าแพลตฟอร์มสื่ออื่นๆยิ่งไปกว่านั้น VGI ยังได้เปิดตัว “VGI Hanger” สื่อโฆษณาแบบใหม่ที่แขวนอยู่บริเวณราวจับในรถไฟฟ้าบีทีเอส เครื่องมือที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถดึงดูดผู้บริโภคไปสู่การทดลองใช้สินค้าของแบรนด์สำหรับด้านธุรกิจบริการชำระเงินบัตรแรบบิทได้จับมือกับบริษัท การ์มิน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นพิเศษ “Garmin X Rabbit” ยกระดับการชำระเงินผ่านสมาร์ตวอทช์ ด้วยฟังก์ชั่นการชำระเงินแบบไร้การสัมผัสที่กำลังได้รับความนิยมภายใต้แนวคิด “Touch and Go” ซึ่งการเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้จะช่วยขยายฐานผู้ใช้งานเครือข่ายแรบบิทที่ปัจจุบันมีจำนวนบัตรแรบบิทกว่า 14.5 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 6.3% YoY และมีผู้ใช้งาน Rabbit LinePayมากกว่า 9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 14.0% YoY ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท แรบบิท แคช จำกัด (“RCash”) ยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์มบริการสินเชื่อดิจิทัล 100% ภายใต้แนวคิด “Money Rabbolution สร้างเครดิตด้วยชีวิตออนไลน์” เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสินเชื่อดิจิทัลได้ง่ายอย่างไร้รอยต่อสมัครและอนุมัติสินเชื่อจบครบในรวดเดียวผ่านทางสมาร์ทโฟน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ RCash ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อนำร่องกับบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“KEX”) และบริษัทฮิวแมนิก้าจำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อย
“ในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐได้ทำการเร่งการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรไทยโดยวันที่ 31 ตุลาคม 2564 อัตราผู้ได้รับการฉีดวัคซีนในประเทศไทยมีมากกว่า 65% ของจำนวนประชากรทั้งหมดและกว่า 90% ของประชากรในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกทั้งผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 มีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภาครัฐตัดสินใจประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากที่มีการปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 รวมถึงผ่อนปรนมาตรการทางการเดินทางแก่นักท่องเที่ยวโดยนับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 นักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนจาก 63 ประเทศ จะสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจและกิจกรรมต่างๆในจังหวัดที่ภาครัฐกำหนดเป็นพื้นที่นำร่อง (Blue Zone หรือพื้นที่สีฟ้า) กลับมาให้บริการได้อย่างปกติซึ่งจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและภาคธุรกิจอื่นๆ
สำหรับแนวโน้มของ VGI เราเชื่อมั่นว่าจากพัฒนาการในเชิงบวกดังกล่าวจะทำให้ VGI มีแนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่ดีขึ้นทั้งจากการฟื้นตัวของการดำเนินธุรกิจหลักประกอบกับ synergy จากการลงทุนใหม่ในพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ต่างๆส่งผลให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นและสามารถกลับไปสู่ช่วงก่อน COVID-19 ได้” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่กล่าวเพิ่มเติม