“HOTEL MOCO” พรีเมี่ยมบูทีค โฮเทล สไตล์โมเดิร์นโคโลเนียล

“HOTEL MOCO”  พรีเมี่ยมบูทีค  โฮเทล สไตล์โมเดิร์นโคโลเนียล มูลค่ากว่า  500 ล้านบาท  ตั้งอยู่บนพื้นที่ร่วม 2 ไร่   แลนด์มาร์คแห่งใหม่ บนถนนทองใหญ่ ใจกลางเมืองอุดรธานี  ที่ตอบโจทย์นัก เดินทาง  ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งในภาคธุรกิจ การท่องเที่ยว นักช้อป นักแสวงบุญ แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจรทั้ง “ศูนย์การค้ายูดี ทาวน์” และ ศูนย์ประชุมระดับประเทศ “มลฑาทิพย์ ฮอลล์” ภายใต้การบริหารของสองผู้บริหารรุ่นใหม่ มากความสามารถแห่งกลุ่มธุรกิจ “ยูดี ทาวน์”  โดย ภาสกร วีรชาติยานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาทิพย์ 456 จำกัด บริหาร HOTEL MOCO  รวมถึงศูนย์ประชุมมลฑาทิพย์ฮอลล์  และ  อภิชา วีรชาติยานุกูล กรรมการผู้จัดการ “บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด” บริหารศูนย์การค้ายูดี ทาวน์  เจ้าของร้าน “Brunch & Munch” และห้องอาหาร “Par” (พา)

HOTEL MOCO CONCEPT

สำหรับ Conceptual Design ในส่วนงานอินทีเรีย ใช้ Concept ของกลิ่นอายอาคารแบบโคโลเนียล โดยผสม กับเส้นสายความเป็น Modern และนำรูปแบบของงานหัตถศิลป์ของภาคอีสานมาร่วมในงานออกแบบ

โดยนำเอกลักษณ์ ของลวดลายหรือวัสดุ พื้นถิ่นเช่นลายผ้า หรือ อุปกรณ์ ทอผ้า มาบอกเล่าเรื่องราวของศิลปะวัฒนธรรมประจำจังหวัดที่น่าสนใจเพื่อให้การออกแบบส่งเสริมและสนับสนุน เอกลักษณ์ความเป็นพื้นถิ่นมากยิ่งขึ้น

การออกแบบผนังด้านหน้า ส่วนทางเข้าอาคาร ออกแบบโดยใช้ช่องลมแบบอาคารไทยในอดีต มาใช้ในการออกแบบในส่วนของผนังที่โชว์ถนนฝั่งร้านค้าและออกแบบให้แสงส่อง Up Light ผนังอาคาร เกิดเป็นมิติของผนังที่มีความน่าสนใจ

การออกแบบ Façade ฝั่งด้านถนนทองใหญ่ มีการออกแบบรูปด้านมีระเบียงตกแต่งด้วยต้นไม้และมีการเล่นจังหวะในชั้น 6 -7 ให้มีความแตกต่างจากชั้น3-5 ทั้งในส่วนของให้ระเบียงมีแนวสลับหว่าง และการเปลี่ยนจังหวะของหน้าต่างในชั้นบนสุด ผนังของห้องพัก ออกแบบให้มีความโค้งมน เพื่อให้เกิดมิติของแสงเงาที่มีความโค้ง Smooth สีของหน้าต่าง ใช้สีเทาอมเขียว ผนังใช้สีครีมเทา ซึ่งเป็นสีที่ใช้ในอาคาร Colonial  ในยุคก่อน

ในส่วนของชั้นล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่สูง 2 ชั้น เป็นลักษณะ Pattern ในรูปแบบของเสาแบบ Thai Colonial Style  ผนังออกแบบเป็นสีเขียวอมเทาเพื่อสร้างความน่าสนใจ ดัดกับ บัวผนังส่วนล่างหินอ่อนสีขาวนอกจากนี้ยังมีส่วนของการตกแต่งระแนงในส่วนโค้งบนของเสา และระเบียง ตามรูปแบบของ Thai Colonial Style ที่มีลักษณะเฉพาะคือการใช้วัสดุที่มีความโปร่งโล่งระบายอากาศ

Lobby Reception

ให้ความรู้สึกถึงการต้อนรับ เหมือนชานเรือนของบ้านไทย ที่จัดไว้เป็นส่วนกลางเชื่อมต่อกับส่วนต่างๆ ด้วยการใช้โทนสีที่อบอุ่นสว่าง และนำการลดทอนของผนังบ้านไม้มาใช้เป็นการออกแบบ โดยจะเห็นได้จากจังหวะของงานตกแต่งผนังรอบๆ ส่วน Lobby โดยเพิ่มความนุ่มนวลด้วยการใช้ความโค้งมนของวัสดุ การออกแบบ Lobby เน้นพื้นที่ที่มีความสูงโปร่ง และออกแบบพื้นที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ โดยใช้ Pattern ช่องแสงที่มีความร่วมสมัย ทั้ง ช่องประตูหน้าต่างแบบ Thai Colonial Style  วัสดุในลักษณะของ Industrial Style  อย่าง Glass Block  และงานเหล็ก

Stairs & Hallway

ในส่วนของโถงบันไดหลักได้มีการออกแบบโคมไฟห้อย ซึ่งยาวลงมาตั้งแต่ชั้นบนสุดถึงชั้น 3 ซึ่งรูปแบบของโคมดังกล่าวมีแนวความคิด จากการนำกระสวยทอผ้ามาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการรังสรรค์ ออกแบบ โดย ศรุตา เกียรติภาคภูมิ นักออกแบบชื่อดัง เจ้าของรางวัล Designer of The Year 2021

Restaurant & Meeting Room

ในส่วนของห้องอาหาร, ห้องประชุม ได้เพิ่มความสดใสของพื้นที่ด้วยการนำกลิ่นอายพื้นถิ่นเข้ามาเป็นส่วนตกแต่งผ่านการ Decorate ด้วยตัวเครื่องปั้นดินเผา ไม้กลึงตกแต่ง และการนำภาพพิมพ์ลายมาใช้ร่วมกับประตูบานเฟี้ยมและการเลือกสีสันโดดเด่น โดยการนำสีเขียวมาใช้เป็นสีหลักในการออกแบบ

Guestroom

HOTEL MOCO มีความสูงจำนวน 7 ชั้น มีห้องพักไว้รับรอง  68 ห้อง ในสไตล์โมเดิร์น โคโลเนียล การตกแต่งโดดเด่นด้วยการผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลงตัว ด้วยการนำเอกลักษณ์ของลวดลาย หรือสีสันของผ้าพื้นถิ่น เช่น ลายผ้า หรืออุปกรณ์ทอผ้า มาบอกเล่าเรื่องราวของศิลปะวัฒนธรรม ประจำจังหวัดที่น่าสนใจ สีห้องพักและลายผ้าที่ใช้จะแตกต่างกันไป ในห้องพักแต่ละประเภท  แต่ยังคงเน้นวัสดุที่เป็นไม้ งานสาน เพื่อให้ห้องพักมีความเป็นพื้นถิ่น โดยในส่วนของห้องพัก type ต่างๆ แบ่งออกเป็น ซูพีเรีย, ดีลักซ์, จูเนียร์ สวีท และ โมโค สวีท ซึ่งห้องพักแต่ละแบบมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป

Superior

มีขนาด 27 ตารางเมตร เป็นห้องพักสำหรับ 1-2 ท่าน เป็นห้องที่ติดกับถนนเส้นหลัก ชื่อถนนทองใหญ่ แขกสามารถชมวิวเมืองยามค่ำคืน ผ่านกระจกของโรงแรม ภายในห้องออกแบบด้วยผ้าขิดลาย “ใบบัว” ที่เป็นเอกลักษณ์ ประจำจังหวัดอุดรธานี

Deluxe

มีขนาด 32 ตารางเมตร  ตกแต่งด้วยการนำเอาผ้าลายบ้านเชียง และวัสดุที่เป็นงานไม้สานมาสร้างสีสันให้กับห้อง บวกกับความอบอุ่นโดยการใช้สีและแสงจากธรรมชาติ รวมไปถึงการออกแบบและจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่คำนึงถึงความสบายเป็นหลัก

Junior Suite

มีขนาด 29 ตารางเมตร เป็นห้องที่มาพร้อมกับความหรูหราด้วยสไตล์การตกแต่งที่ไม่เหมือนที่ใด เน้นการออกแบบด้วยสีฟ้าคราม โดยอ้างอิงมาจากผ้าย้อมครามสัญลักษณ์ของแดนอีสาน  มุมห้องสามารถมองเห็นวิวเมืองอุดรธานีได้

MOCO Suite

มีขนาด 72 ตารางเมตร สามารถสัมผัสการพักผ่อนที่เหนือระดับด้วยห้องพักที่โดดเด่น สวยงาม หรูหรา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของ HOTEL MOCO โดยมีพื้นที่กว้างขวาง ห้องนอนและห้องนั่งเล่นถูกแบ่งเป็นสัดส่วน อ่างอาบน้ำริมหน้าต่างจะทำให้คุณได้ดื่มด่ำกับวิวมุมสูงของเมืองอุดรธานี สามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้อย่างชัดเจน

โดยห้องพักทุกขนาด นอกจากดีไซน์อันโดดเด่น ยังเต็มอิ่มกับการพักผ่อน ผ่านสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น SMART TV อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ห้องน้ำพร้อมชุดอำนวยความสะดวก ชั้นเยี่ยม ตู้เย็น ตู้นิรภัย ฯลฯ

นอกจากความโดดเด่นของห้องพัก  HOTEL MOCO ยังมีห้องอาหารมาตรฐานระดับสากล ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น ในแบบฉบับเฉพาะตัวคือ “พา” (Par) โดยคำว่า “พา” แปลว่า “สำรับ” ในภาษาอีสาน เป็นชื่อที่สะท้อนให้เห็นความตั้งใจของร้านที่จะคัดสรรเมนูอาหาร  จากทั่วทุกสารทิศมาจัดเป็นสำรับเลิศรส

โดยห้องอาหาร “พา” (Par)  แบ่งช่วงเวลาการให้บริการออกเป็น 4 สไตล์  เริ่มความอร่อยจาก “พางาย” (อาหารเช้า) ตั้งแต่ช่วงเวลา 6.00-10.30 น. ให้บริการมื้อเช้า เสิร์ฟทั้งเมนูสไตล์ตะวันตก(WESTERN BREAKFAST) และ เมนูสไตล์เมืองอุดรธานี (UDON THANI-STYLE BREAKFAST)

สำหรับมื้อเช้าอย่างตะวันตก (WESTERN BREAKFAST) เสิร์ฟด้วย ไข่คน เบคอน แฮม ไส้กรอกหมู มันฝรั่งผัดเนย เห็ดผัดเนย มะเขือเทศย่าง ไข่เบเนดิกต์

ส่วนมื้อเช้าสไตล์อุดรธานี (UDON THANI-STYLE BREAKFAST) อร่อยกับ ไข่กระทะและขนมปังญวน ข้าวเปียกเส้น และข้าวต้มหมู ส้มตำไทย หมูปิ้ง รับประทานกับข้าวเหนียวและแจ่ว

อิ่มอร่อยครบอรรถรสกับ ขนมหวาน โมโค โทสต์ ขนมปังบรีออช รับประทานกับน้ำตาลอบเชย ครีมสด ราดซอสเนยถั่ว+วาฟเฟิลอย่างเบลเยียม ราดซอสน้ำตาลโตนดแพนเค้ก รับประทานกับผลไม้สด ครีมสด และน้ำเชื่อมเมเปิ้ล

จากนั้นต่อด้วย “พาสวย” (อาหารพร้อมเสิร์ฟทั้งวัน) ในเวลา 11.00 – 22.00 น. ซึ่งมีเมนูทั้งอาหารไทยกลาง อาหารอีสาน อาหารนานาชาติ และเมนูฟิวชั่นที่ผสมผสานรสชาติท้องถิ่นกับสากลได้อย่างกลมกล่อม ไว้ให้ลองลิ้มครบครัน มีเมนูแนะนำสุดอร่อยล้ำ อาทิ

ลาบปลาทูน่าครีบเหลืองสด เสิร์ฟพร้อมข้าวเกรียบทอดและยำคอหมูย่างกับแตงกวา, พะแนงอกไก่ลิ้นจี่, ข้าวผัดนาซีโกเร็งและข้าวผัดแจ่วบองปลาส้ม, กุ้งภูพริกไทยดำและยำส้มโออกไก่ใบชะพลู, สามเกลอ (ของหวาน)

นอกจากอาหารมื้อหลัก ก็ยังมี “พาหวาน” x “บ้านนาคาเฟ่” (Afternoon tea) ในเวลา 11.00-17.00 น. เป็นการให้บริการ ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์อังกฤษ ลูกค้าสามารถจับคู่ชาถ้วยโปรด จากใบชาคัดพิเศษคู่แซนด์วิช, สโคน, เค้ก หรือ Pastries (เพสตรี) ต่างๆ ก็มีให้เลือกหลากหลายอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น

แซนด์วิชหลากชนิด, มินิครัวซองต์เบคอนรมควันกับครีมฮอลแลนเดชและแตงกวา, ล็อบสเตอร์โรลโรลหน้าแซลมอนกราฟลักซ์, สโคนนุ่มชุ่มเนยฝรั่งเศส, แยมผลไม้ตามฤดูกาล, คล็อตเต็ดครีมหรือเนย, ขนมอบหลากชนิดจากบ้านนาคาเฟ่, ทาร์ตผลไม้ตามฤดูกาล, ทาร์ตอัลมอนครีม ลูกแพรหรือแอปเปิลตุ๋น, ทาร์ตเมอแรงซิตรัส ส่วนผสมจาก ส้มยูสุ ส้มจี๊ด และเลมอน, ชูครีม และครีมลิ้นจี่กุหลาบเนื้อเบา  บนทาร์ตอัลมอนด์, เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง ช็อกโกแลตกานาช สอดไส้แยมส้ม

ส่วนมื้อที่พิเศษอย่าง “พาแลง” (Dinner ) ในเวลา 18.30 – 22.30 น. มีเมนูชวนลิ้มลอง (tasting menu)  แบบฉบับอาหารอีสานต้นตำรับ ในรูปแบบไฟน์ไดนิ่งไว้นำเสนอ โดยใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล และภูมิปัญญาการปรุงท้องถิ่น จัดเป็นสำรับ “พาข้าวที่บ้านเฮา… สู่สำหรับข้าวของเฮาเอง” ที่จะ “พา” ผู้ชิมสัมผัสรสอาหารอีสาน ที่ปรุงอย่างเคารพซื่อตรงต่อวัตถุดิบ ฤดูกาล และธรรมชาติ ทุกครั้ง อาทิ พาข้าว, เหล้าพื้นบ้าน ซอยจุ๊, ไส้กรอกอีสาน ปากเป็ดทอด แมลงทอด, ข้าวเม่า 3 อย่าง

และแน่นอนว่าถึงแม้ “Par” (พา) จะให้บริการอาหารหลายมื้อหลากประเภท  แต่รับประกันได้ว่า รสชาติอาหารทุกจาน จะคงความเป็นตัวตน มีซิกเนเจอร์กลิ่นอายสไตล์อีสานบ้านเฮา ในแบบฉบับ “Par” (พา) อบอวลความประทับใจในทุกมื้อเสมอ  นึกถึงอาหารอีสานแบบโมเดิร์นอยากให้นึกถึง “Par” (พา) เพราะจะไม่มีคำว่าผิดหวังกับความกลมกล่อมอย่างแน่นอน