หากมองไปรอบๆ ในช่วงเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมา เราคงได้เห็นการหยิบยื่นน้ำใจและความช่วยเหลือให้แก่กันและกันอย่างไม่ขาดสาย อันเป็นผลมาจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อใดที่ความเดือดร้อนมาเยือน สังคมไทยก็พร้อมหยิบยื่นน้ำใจให้กัน เพื่อช่วยกันประคับประคองให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตินั้นๆ ไปได้ แต่หากมองให้กว้างและไกลออกไป ไม่ใช่แค่ช่วงเวลาวิกฤติเท่านั้นที่สังคมจะต้องมีการแบ่งปัน เพราะผู้เดือดร้อนที่ต้องการความช่วยเหลือมีอยู่ทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้สังคมแห่งการให้ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากน้ำนมโคคุณภาพ “โฟร์โมสต์” ที่อยู่เคียงคู่สังคมไทยมากว่า 65 ปี เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่พยายามตอบคำถามดังกล่าว ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการจะช่วยเหลือสังคมไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ยังเป็นเพราะความมุ่งมั่นขององค์กรในการเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีความหมายและด้วยใจที่คำนึงถึงส่วนรวม
ดร. โอฬาร โชว์วิวัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “น้ำใจเป็นสิ่งที่โฟร์โมสต์ให้ความสำคัญและยึดถือมาตลอด ประกอบกับที่เรามีพันธกิจหลักเป็นการมอบโภชนาการที่ดีต่อสุขภาพและความยั่งยืนให้กับทุกคนในทุกวัย โดยดำเนินงานภายใต้ความมุ่งมั่น 2 ประการ คือ การปรับปรุงกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่ดีต่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มผลิตภัณฑ์ซึ่งมีโภชนาการที่ดีพร้อมสารอาหารจำเป็น ในเขตพื้นที่ที่มีประชากรรายได้น้อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และทำการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบตลอดระยะเวลา 65 ปีที่ผ่านมา ในด้านความยั่งยืนโฟร์โมสต์มีโครงการส่งมอบนมให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัจจัยต่างๆ มาหลายโครงการ แต่ในครั้งนี้ เราพยายามผลักดันการส่งต่อน้ำใจให้ไปไกลขึ้นอีกขั้น ด้วยการวางโครงการในระยะยาวและหาทางทำให้การแบ่งปันสามารถเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนในสังคมไทย แต่สังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืนเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ ต้องใช้ทั้งพลังและทรัพยากรจำนวนมาก ลำพังแค่กำลังของโฟร์โมสต์ฝ่ายเดียวไม่มีทางที่จะทำให้เป้าหมายนี้สำเร็จได้อย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมาร่วมมือกัน ทั้งองค์กรเอกชนอย่างโฟร์โมสต์ พันธมิตรทางธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดคือผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำให้ความหวังและความมุ่งมั่นของเราเกิดขึ้นจริง”
จากความมุ่งมั่นดังกล่าว จึงเกิดเป็นโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” ขึ้นในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ช่วยให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะคุณแม่ทั่วประเทศได้ส่งต่อน้ำใจให้แก่กันและแบ่งปันไปยังเด็กๆ ในเดือนแห่งวันแม่ ผ่านการรวมพลังของหลายภาคส่วน ทั้ง โฟร์โมสต์ ในฐานะผู้ส่งต่อโภชนาการที่ดีมีประโยชน์ มูลนิธิกระจกเงา ผู้มีบทบาทสำคัญในการนำนมโฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 ไปมอบให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง ร้านค้าที่ร่วมโครงการฯ ที่ทำให้เข้าถึงความต้องการแบ่งปันของคนไทยทุกคน พนักงานโฟร์โมสต์ ที่ร่วมบริจาคนมสมทบโครงการฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้บริโภค ที่มีส่วนในการสนับสนุนโครงการผ่านการซื้อนมโฟร์โมสต์ ซึ่งทุกการซื้อ 1 ลัง แปรเปลี่ยนเป็นนมอีก 1 ลังที่ส่งต่อให้เด็กๆ และครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อน จนในที่สุดโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” ก็สามารถส่งมอบนมเป็นจำนวนกว่า 1,030,000 กล่องให้กับเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในกว่า 50 ชุมชน ทั่วประเทศ
นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข ประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า “มูลนิธิกระจกเงาทำงานส่งต่อความช่วยเหลือให้กับสังคมมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งการที่เราสามารถทำงานมาได้ยาวนานขนาดนี้ ก็เป็นเพราะความร่วมมือร่วมใจและการแบ่งปันจากทุกๆ ฝ่ายในสังคม ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือจากองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ กลุ่มจิตอาสาต่างๆ และบุคคลทั่วไปที่นำความช่วยเหลือมามอบให้เรา เราจึงยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” ซึ่งเน้นการมอบโภชนาการที่จำเป็นให้แก่เด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ ให้เยาวชนยังสามารถมีพัฒนาการต่อเนื่องตามวัยได้แม้ในสภาวะวิกฤติ ตอบโจทย์การให้ความช่วยเหลือตามสภาวการณ์ของมูลนิธิฯ ทั้งยังมีแนวคิดและการทำงานที่เน้นให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนด้วยการทำงานในระยะยาวและรวมพลังจากทุกฝ่าย จากที่เราได้ทำงานร่วมกันมา เชื่อว่าโครงการนี้จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับผู้ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างแท้จริงในระยะยาว”
โครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งนอกจากจะเป็นปีที่โฟร์โมสต์ ประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมาครบ 65 ปีแล้ว ยังเป็นปีที่ฟรีสแลนด์คัมพิน่า ฉลองจุดเริ่มต้นของธุรกิจ การก่อตั้งสหกรณ์โคนมที่ยืนยาวมากว่า 150 ปี อีกด้วย โดยหนึ่งแนวทางการดำเนินงานในวาระ150 ปี ฟรีสแลนด์คัมพิน่า คือการผลักดันการพัฒนาด้านความยั่งยืน จึงถือได้ว่าโครงการ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทยสู้ภัยโควิด-19” เป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน นอกเหนือจากโครงการอื่นๆ ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการสำรวจภาวะโภชนาการเด็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEANUTS เป็นต้น
และเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณในน้ำใจของคนไทย โฟร์โมสต์ได้ทำวิดีโอพิเศษเพื่อแสดงถึงผลสำเร็จของการแบ่งปัน พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเดินหน้าส่งมอบสิ่งดีๆ กลับคืนสู่สังคมอย่างยั่งยืนต่อไปพร้อมกับทุกคน โดยสามารถรับชมวิดีโอแทนคำขอบคุณจากโฟร์โมสต์ได้แล้วที่: วิดีโอ โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มฯ มากกว่า 50 ชุมชน ทั่วประเทศไทย