· เป็นครั้งแรกที่ธุ
· ลดการใช้ทรัพยากรด้
· ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ได้ยกระดับระบบและการดำเนินงานทั้งหมดของอาลีบาบา กรุ๊ป ขึ้นไปทำงานบนระบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ ก่อนมหกรรมช้อปปิ้งครั้งใหญ่ที่สุดในโลกจะเริ่มขึ้น ได้มีการนำเทคโนโลยีคลาวด์-เนทีฟ (Cloud Native) ต่าง ๆ มาใช้ในช่วง 11.11 ซึ่งเป็นมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรด้านการประมวลผลลงได้ 50% ต่อธุรกรรมทุก ๆ 10,000 รายการเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การประมวลผลมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยที่ประสิทธิภาพในการใช้เทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 20% และการใช้ทรัพยากรที่เป็นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30%
หลี่ เจิ้ง หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าวว่า “เรามีพันธะสัญญาในการนำเสนอ ‘สมรรถนะด้านการประมวลผลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ที่ต้องการใช้ระบบดิจิทัลที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ และเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนทั่วถึงและครบทุกด้าน มหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของอาลีบาบา กรุ๊ป นับเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนการให้บริการต่าง ๆ ของเราอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรมที่ทำงานอย่างอัจฉริยะ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถให้บริการลูกค้าในทุกอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วนได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้นที่ได้รับการทดสอบแล้วเหล่านี้
ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมคลาวด์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจับจ่ายใช้สอยที่ยั่งยืน
อาลีบาบา คลาวด์ ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green technology) เช่น ไฮเปอร์-สเกล ดาต้าเซ็นเตอร์ (Hyperscale Data center) ของอาลีบาบา คลาวด์ มีการใช้ระบบระบายความร้อนด้วยสารเหลวและพลังงานลม เพื่อให้ 11.11 เป็นมหกรรมช้อปปิ้งที่มาพร้อมกับความยั่งยืนมากขึ้น และในปีนี้ การใช้พลังงานหมุนเวียนในดาต้าเซ็นเตอร์ของอาลีบาบาที่เมืองจางเป่ย ได้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 26,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ต้นไม้จำนวนหนึ่งล้านต้นดูดซับต่อปี
การนำ Hanguang 800 ซึ่งเป็นชิป AI inference ตัวแรกที่อาลีบาบา คลาวด์ ทำขึ้นเองและเปิดตัวเมื่อปี 2562 มาใช้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์และการแนะนำสินค้าต่าง ๆ ระหว่างมหกรรม 11.11 เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ประสิทธิภาพของอัลกอริธึมในฟังก์ชันการค้นหาบนตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์หรือ e-Marketplace Taobao เพิ่มขึ้นถึง 200% และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ 58%
นอกจากนี้ ได้มีการนำ M6 ซึ่งเป็นโมเดล AI ขนาดใหญ่ของอาลีบาบาคลาวด์ มาใช้งานเป็นครั้งแรกในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งปีนี้ ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการที่ต้องใช้ AI ได้อย่างมาก เช่น การออกแบบเครื่องแต่งกายโดยอาศัย AI และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสายการผลิต โดย M6 ช่วยลดระยะเวลาที่ใช้ในการออกแบบเสื้อผ้าใหม่ ๆ จากเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน เหลือเพียงไม่ถึง 2 สัปดาห์ จึงเป็นที่คาดการณ์ได้ว่างานออกแบบที่ใช้ M6 ควบคู่กับการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตเสื้อยืดได้กว่า 30% เลยทีเดียว
เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการช้อปปิ้ง
อาลีบาบาคลาวด์มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ร้านค้าสามารถนำเสนอประสบการณ์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ดึงดูดใจและเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มมากขึ้น โดยอาศัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย
มีการนำเทคโนโลยีการจดจำเสียงพูด (speech recognition) ที่พัฒนาโดย Alibaba DAMO Academy มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของโหมดการใช้งานสำหรับผู้สูงวัย หรือ ‘senior mode’ ในแอปพลิเคชัน Taobao เทคโนโลยีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้สูงวัยในจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวใช้รูปแบบการดำเนินชีวิตแบบดิจิทัลได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ได้มีการติดตั้ง Taoxiaobao ซึ่งเป็นผู้ช่วยอัจริยะที่สั่งงานด้วยเสียงที่ใช้อัลกอลิธึมของ DAMO ในการจดจำเสียงพูดไว้ใน ‘senior mode’ ของ Taobao เพื่อรองรับการค้นหาด้วยเสียงพูด ทั้งนี้ Taoxiaobao สามารถจดจำคำสั่งเสียงที่เป็นภาษาจีนสำเนียงท้องถิ่นได้หลากหลาย มีความแม่นยำสูง แม้กระทั่งในกรณีที่มีเสียงรบกวนรอบข้างที่ซับซ้อน ทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้งานไม่ต้องพิมพ์ป้อนข้อความด้วยตนเอง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ติดขัดด้านการพิมพ์ข้อความบนอุปกรณ์มือถือเป็นอย่างมาก
ในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งปีนี้ ยังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “การค้นหายาด้วยภาพ” ในแอปพลิเคชัน Taobao ซึ่งนับว่ามีประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุ กล่าวคือ ผู้ใช้จะสามารถค้นหายาที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ด้วยการถ่ายหรือสแกนภาพบรรจุภัณฑ์หรือขวดยาโดยใช้ Pailitao ซึ่งเป็นเอนจิ้นการค้นหาภาพของแอป Taobao การค้นหาสินค้าโดยใช้ภาพถ่ายช่วยให้ผู้สูงวัยไม่ต้องพิมพ์ชื่อยาที่ยาวหรือซับซ้อน ผลลัพธ์การค้นหาจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับยาและสรรพคุณ การค้นหาสินค้าในระบบที่ใหญ่และซับซ้อนนี้ โดยอาศัยเทคโนโลยี AI แบบ Multi-modal ซึ่งบูรณาการเทคโนโลยี Optical Character Recognition (OCR) สำหรับการจดจำข้อความในรูปภาพ และช่วยเพิ่มความแม่นยำในการประมวลผลภาพถ่ายยา Taobao ได้ผนวกรวมเทคโนโลยี OCR เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 โดยทำหน้าที่ประมวลผลรูปภาพหลายล้านรูป เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ช้อปปิ้งให้กับผู้ใช้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
ประยุกต์ใช้งานนวัตกรรมอย่างเป็นรูปธรรม
มีการนำหุ่นยนต์ขนส่งสินค้า “Xiaomanlv” ของอาลีบาบาไปใช้งานในกว่า 200 เขตพื้นที่ทั่วประเทศจีน เพื่อรองรับการจัดส่งสินค้าในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งของปีนี้ โดยยานพาหนะหุ่นยนต์ขนส่ง Xiaomanlv จำนวน 350 คันได้นำส่งสินค้ากว่า 1 ล้านชิ้นถึงมือผู้รับในช่วง 10 วันแรกของมหกรรมช้อปปิ้งนี้ แซงหน้าปริมาณการจัดส่งสินค้าทั้งหมดในช่วง 12 เดือนนับตั้งแต่ที่มีการเปิดตัวหุ่นยนต์ขนส่งเมื่อเดือนกันยายน 2563
เครื่องมือต่าง ๆ ที่พัฒนาโดย DAMO ทำหน้าที่แปลภาษาของข้อมูลสินค้าหลายสิบล้านรายการ เพื่อรองรับการซื้อขายระหว่างประเทศในช่วงมหกรรมช้อปปิ้งครั้งนี้ และในขณะเดียวกัน DingTalk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์การทำงานร่วมกันผ่านระบบดิจิทัลของอาลีบาบา ได้ทำการประมวลผลข้อความมากถึง 606,900 ข้อความต่อวินาทีในช่วงที่มีการใช้งานสูงสุดระหว่างที่จัดมหกรรมช้อปปิ้งในปีนี้ โดยเป็นการรองรับการติดต่อสื่อสารอย่างฉับไวและราบรื่นให้กับผู้ใช้บนแอปต่าง ๆ มากกว่า 30 แอปในระบบนิเวศ (ecosystem) ของอาลีบาบา
เกี่ยวกับอาลีบาบา คลาวด์
อาลีบาบา คลาวด์ (www.alibabacloud.com) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2552 เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ให้บริการคลาวด์ครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วโลก เช่น Elastic computing, Database, Storage, Network & Virtualization การประมวลผลขนาดใหญ่ ความปลอดภัย บริการด้านการบริหารจัดการและแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์บิ๊กดาต้า บริการแพลตฟอร์มที่ใช้แมชชีนเลิร์นนิ่ง และ IoT และจากรายงานของ IDC ระบุว่าอาลีบาบา คลาวด์ เป็นผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะ Public Cloud ระดับแนวหน้าของประเทศจีน โดยพิจารณาจากรายได้ในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นรายได้ที่รวมถึงบริการ PaaS และ IaaS ส่วนอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการ IaaS ชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก และอยู่ในระดับสามของโลกจากรายงานประจำเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 ของ Gartner โดยพิจารณาจากรายได้เป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ
ในปี พ.ศ. 2563