จาร์ตัน เปิดตัว “JARTON Home” แพลตฟอร์ม IoT ครบวงจร..ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

“จาร์ตัน เทคโนโลยี” เปิดตัวแอปพลิเคชัน “JARTON Home” แพลตฟอร์ม IoT หรือ Smart Home Super App สัญชาติไทยที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดในอาเซียนแอปฯเดียวควบคุมอุปกรณ์ Smart Home ระดับชั้นนำทั่วโลก ได้ครอบคลุมกว่า 100 แบรนด์ใช้งานได้ทั้ง Mobile Application และ Web Application รองรับการสั่งเสียงด้วยเสียง Google Assistant, Apple Siri และ Amazon Alexa สามารถสั่งงานผ่าน Apple Watch, Apple HomeKit, Samsung SmartThings ตั้งเป้าหาพันธมิตรร่วมทุน และ Strategic Partner เพิ่มเพื่อเสริมความแข็งแกร่งโดยมุ่งขยายการใช้งาน JARTON Home สู่ระดับอาเซียน มั่นใจผลักดันตลาด Smart Home ที่มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ให้ขยายตัวเพิ่ม 3-5 เท่า ภายใน 2 ปี และผลักดันบริษัทแม่ จาร์ตัน โฮลดิ้งส์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายในปี 2568

นายธีธัช จึงกานต์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท จาร์ตัน กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการผลิต ติดตั้งและส่งออกระบบบ้านและอาคารครบวงจร เปิดเผยว่า “ตลาด Smart Home ประเทศไทย ภาพรวมมีอัตราเติบโตค่อนข้างช้า เมื่อเทียบกับต่างประเทศ เนื่องจากมีผู้ผลิตและนำเข้าสินค้าอุปกรณ์ IoT ที่หลากหลายจากทั้งในและต่างประเทศส่งผลให้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองเพื่อควบคุมอุปกรณ์ที่หลากหลายตามไปด้วย แต่ลูกค้าไม่สะดวกที่จะใช้งานมากกว่า 1 แอปพลิเคชันในการควบคุมอุปกรณ์ในบ้านทั้งหมด จาร์ตัน กรุ๊ป จึงได้จัดตั้งบริษัท จาร์ตัน เทคโนโลยี จำกัดขึ้นมาเพื่อพัฒนา JARTON Home ให้กลายเป็นแอปพลิเคชันกลาง (IoT Platform) ที่สามารถควบคุม อุปกรณ์ SmartHome ทุกแบรนด์ได้บนแอปพลิเคชันเดียว เริ่มจากสินค้า Smart Home ของ JARTON และพัฒนาจนสามารถใช้งานกับสินค้าทุกแบรนด์ทั้งในและต่างประเทศได้ทั้งหมด

“JARTON Home” ถือเป็น Smart HomeSuper App ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ในบ้านและอาคารได้อย่างครบวงจรสามารถใช้งานได้ทั้ง Mobile Application และ Web Application (www.JARTONHome.com) รองรับการสั่งงานผ่านคำสั่งเสียงทั้ง Google Assistant, Apple Siri, Amazon Alexa และสั่งงานผ่าน Apple Watch, Apple HomeKit, Samsung SmartThings ได้อีกด้วย ทั้งนี้  มีสินค้าแบรนด์ชั้นนำจากไทยและทั่วโลกที่อยู่ระหว่างการพัฒนา หรือสามารถสั่งงานผ่าน Application JARTON Home ได้แล้ว จำนวนมากกว่า 100 แบรนด์อาทิ AIS, Anitech, COTTO, DATA, Delight, Eminent, Ener Saver, Euro, Fascino, GATA, Hatari, JARTON, Chaiyo Sprinkler, Divana, LAMPTAN, Lamptitude, Lesasha, LRL by Let’s Relax Spa, Lucky Flame, LUMAX by L&E, Marathon, Mazuma, MEX, Mogen, Monowheel, NANO, Panpuri, Safe, Safety Smart by Safe-T-Cut, SANWA, Schneider Electric, Siam Steel, Somfy, Sparkle, SVOA Robotics, Super Products, Tecno+, Toshino, Uni-Aire และ VC Fabric เป็นต้น ที่ได้ให้เกียรติเข้าร่วมเป็นพันธมิตร จากหลากหลายวงการ ทั้งกลุ่มการเชื่อมต่อเครือข่าย, กลุ่มรักษาความปลอดภัย, กลุ่มปรับอากาศและไฟฟ้า, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า, กลุ่มสินค้าสุขภาพ และ กลุ่มอุปกรณ์ควบคุม ส่งผลให้ “JARTON Home” กลายเป็นแอปพลิเคชันกลาง (IoT Platform) ขนาดใหญ่และครบวงจรที่สุดในอาเซียน

ยิ่งไปกว่านั้น JARTON Home เป็น IoT Platform เดียวที่ได้รับการสนับสนุนจาก Depa (ดีป้า) หรือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับพันธมิตรจากทุกวงการ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยสามารถเข้าถึงระบบ IoT หรือ Smart Home ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำที่สุด เป็นการลดช่องว่างทางเทคโนโลยี (Digital Divide) และขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริงและเป็นรูปธรรม

JARTON Home มีระบบการใช้งานที่สะดวกและไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีระบบบริหารผ่านทั้ง Mobile และ Web Application เพื่อให้สินค้าแต่ละแบรนด์ สามารถเชื่อมต่อระบบการใช้งาน, การใช้คำสั่งเสียงและการใช้อุปกรณ์เสริมได้อย่างอิสระโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ สำหรับการใช้งานพื้นฐานทุกอุปกรณ์ โดยมีการใช้งานเพียง 3 ขั้นตอนคือ ดาวน์โหลด Application JARTON Home ได้ทั้งระบบ iOS และ Android พร้อมลงทะเบียนโดยใช้เบอร์โทรศัพท์ หรือ อีเมล, เชื่อมต่ออุปกรณ์ เข้ากับระบบ Wi-Fi วงเดียวกับโทรศัพท์ (เฉพาะครั้งแรก) และเริ่มสั่งงานควบคุมอุปกรณ์ ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก

สำหรับ ภาพรวมตลาด Smart Home ในประเทศไทย แม้เติบโตไม่เท่ากับประเทศแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากการระบาด Covd-19 ทำให้คนใช้เวลาอยู่บ้าน จึงมีส่วนผลักดันให้ตลาดเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย Smart Home ในประเทศมีมูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีอุปกรณ์ Smart Home ในบ้านรวมทั้งหมดประมาณ 2.5 ล้านชิ้น ทั้งนี้ คาดว่า หลังจากเปิดตัว JARTON Home ที่ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรกว่า 100 แบรนด์ และพันธมิตรระดับโลกอย่าง Apple HomeKit และ Samsung SmartThings เข้ามาร่วมกันทำการตลาด มั่นใจว่าตลาด Smart Home จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น 3-5 เท่าภายใน 2 ปีอย่างแน่นอน

ในด้านทิศทางการดำเนินธุรกิจ จาร์ตัน กรุ๊ป ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้ง JARTONHoldings เป็นบริษัทแม่ถือหุ้นในบริษัทลูก และเตรียมหาผู้ร่วมทุนและ Strategic Partner ในแต่ละธุรกิจภายในเครือทั้งหมด 6 บริษัท ซึ่งจะแยกกันตามประเภทธุรกิจ ได้แก่

  • JARTON Industry ธุรกิจผลิตและวิจัยสินค้าระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจร เช่น เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด กล้องวงจรปิด เครื่อง X-Ray
  • JARTON Groupธุรกิจ Trading สินค้าระบบบ้านและอาคารครบวงจรเช่น ระบบ Smart Home
  • JARTON Technology ธุรกิจ Technology พัฒนาและบริหารระบบ Software และ Application ทั้งหมด เช่น JARTON Home / JARTON Lock / JARTON CCTV
  • Nexitt ธุรกิจรับติดตั้งงานระบบอาคารครบวงจร แบบ Turnkey
  • JARTON Network ธุรกิจเครือข่ายด้านสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าสุขภาพ
  • Life Elevated ธุรกิจเพื่อสังคมด้านการฝึกอบรมและพัฒนาตนเอง

สำหรับ ผลการดำเนินงานของกลุ่ม จาร์ตัน โฮลดิงส์ ในช่วงที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจและการระบาด Covid-19  ทำให้ต้องปรับลดลง 30% จากที่ตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยสินค้าหลักยังคงเป็นระบบบ้านและอาคารอัจฉริยะทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นระบบ Smart Home, ระบบตรวจจับความปลอดภัยแบบอุโมงค์เดินผ่าน, ระบบกล้องวงจรปิดอัจฉริยะ โดยมีสัดส่วน 25% ­ของยอดขายทั้งกลุ่ม ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับโครงสร้าง จาร์ตัน กรุ๊ป คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9-12 เดือน ที่จะสรรหาผู้ร่วมทุนและ Strategic Partner จากทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งจากนั้น จะนำบริษัทแม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน ปี 2568” นายธีธัช กล่าวในที่สุด