• เตรียมช้อปแบรนด์เนมรวมแบรนด์ชั้นนำทั้ง 2 เฟสกว่า300แบรนด์
• ชูจุดแข็ง‘Two Nations, One Success’ โดย Central Pattanaและ Mitsubishi Estate (Thailand)โดยเซ็นทรัลพัฒนาเป็นเบอร์หนึ่งในการปั้น Destination Landmark เจาะฐานลูกค้าทั่วประเทศด้านมิตซูบิชิฯ ลุยขยายฐานลูกค้าญี่ปุ่นทั้งทัวริสต์และ Expats
• 5 กลยุทธ์สร้างความสำเร็จตลอดกาล ปั้นเซ็นทรัล วิลเลจเป็นมากกว่าลักชูรี่เอาท์เล็ต“ยอดขายดีต่อเนื่อง-แบรนด์ชั้นนำครบครัน-ฐานลูกค้ากำลังซื้อสูง-Intensive Omnichannel-สร้าง Vibes แบบเอาท์เล็ตเมืองนอก”
เซ็นทรัล วิลเลจ โดยบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมทุนกับ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์) หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลก ประกาศความสำเร็จของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจเตรียมเปิดให้บริการเฟสสอง 28 ม.ค. 2565 ยืนหยัด ‘The First Real Luxury Outlet in Thailand’ เบอร์หนึ่งลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย รวมมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนม สู่การเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นที่สมบูรณ์แบบชูความแข็งแกร่งของ Central Pattana x Mitsubishi Estate (Thailand) ตอกย้ำลักชูรี่เอาท์เล็ตมาตรฐานระดับโลกเจาะฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงทั่วประเทศด้วย Luxury Outlet Chat & Shop ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายออนไลน์เติบโตเป็นอันดับหนึ่งของโครงการเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยช่วงล็อคดาวน์เซ็นทรัล วิลเลจมียอดขายโตขึ้น 70% เตรียมนำ Success Model ต่อยอดในเฟสสอง เติมเต็มแบรนด์ชั้นนำครบทุก Tier ครบทุกไลฟ์สไตล์รวม 300 แบรนด์ รับชม VDO ความสำเร็จเซ็นทรัล วิลเลจ และภาพ Sneak Peak เฟส 2 https://youtu.be/kyKGOyV2b_w
คุณชาติ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า “เซ็นทรัล วิลเลจเป็นโครงการที่พลิกโฉมวงการรีเทลไทยด้วยการนำลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกเข้ามาในประเทศไทยเป็นแห่งแรก เติมเต็ม New Retail Platform ที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจากความสำเร็จในเฟสแรกที่เปิดให้บริการในเดือน ส.ค. 62 เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักช้อปทั้งไทยและต่างชาติมาโดยตลอด จึงมีความมั่นใจเตรียมเปิดเฟสสองในวันที่ 28 ม.ค. 65 ตามแผนที่วางไว้ ตอกย้ำการเป็น The First Real Luxury Outlet มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนมแต่เป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ การจับมือกับพาร์ทเนอร์ ‘มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์)’ยังเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญที่ทำให้เราก้าวได้ไกลกว่าเอาท์เล็ตที่มีในไทย โดยเซ็นทรัลพัฒนามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่เป็น Destination Landmark มาแล้วทั่วประเทศเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงซึ่งเป็นฐานลูกค้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่ตอนนี้มี 36 สาขาในประเทศไทยและต่างประเทศผ่านช่องทาง Intensive Omnichannelในขณะที่มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีประสบการณ์ในการพัฒนาเอาท์เล็ตชื่อดังของเอเชียทำให้เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักชูรี่เอาท์เล็ตที่มีศักยภาพและมาตรฐานไม่แพ้เอาท์เล็ตแห่งอื่นของโลก”
มร. โทโมฮิโกะ เองูจิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นหนึ่งในการบุกเบิกพอร์ตโฟลิโอใหม่ของบริษัทฯ ที่ได้รุกตลาดลักชูรี่เอาท์เล็ตครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการผนึกกำลังกันระหว่างมิตซูบิชิฯ และเซ็นทรัลพัฒนา ในแบบ ‘Two Nations, One Success’ ได้พิสูจน์แล้วถึงความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจในเฟสแรกโดยเรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมไปถึงความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญเรามีความเชื่อมั่นในโครงการเซ็นทรัล วิลเลจที่มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่มีความลักชูรี่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายของนักช้อปชาวไทย ในขณะเดียวกันยังส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ชั้นนำที่มาเปิดกับเราด้วย สำหรับการขยายโครงการเฟสสอง ทางมิตซูบิชิฯ เตรียมแผนที่จะดึงดูดแบรนด์คู่ค้าญี่ปุ่นมากขึ้น ที่มาพร้อมด้วยจุดเด่นของการให้บริการแบบญี่ปุ่นที่เหนือความคาดหมายเสมอ เพื่อมอบทั้งความสนุกและความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้าชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอีกด้วย”
คุณชาติ กล่าวต่อไปว่า “เซ็นทรัล วิลเลจเฟส 2 ยังคงมีดีไซน์ต่อเนื่องกับเฟสแรกกับเอกลักษณ์‘Thai Modern’ พร้อมได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมไทยนำเสนอในรูปแบบหมู่บ้านไทยร่วมสมัยที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยเฟสสองนี้ขยายเพิ่มอีก 4หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านช่างทอ (Textile Village)โดดเด่นด้วยลายเส้นผ้าทอของไทย, หมู่บ้านช่างก่อ (Brick Village) กับการก่ออิฐเป็นแพทเทิร์นที่แปลกตา, หมู่บ้านช่างลายคราม (Porcelain Village) นำความสวยงามของเครื่องลายครามมาออกแบบให้มีลูกเล่น และหมู่บ้านช่างเงินช่างทอง (Goldsmith Village) กับลวดลายสีเงินสีทองสื่อถึงความหรูหราและความประณีตท่ามกลางบรรยากาศแบบ Outdoor Experience ที่ร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียว ทางเดินมีหลังคาที่กว้างขึ้นทำให้ช้อปปิ้งได้สะดวกมากขึ้น มีความใกล้ชิดธรรมชาติด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งน้ำพุ, บ้านต้นไม้, ภูเขา และจุดถ่ายรูปไฮไลท์ Instagrammable Landmarksรวมถึงมีการจัดอีเว้นท์ งานอาร์ต ศิลปะร่วมสมัย ที่หมุนเวียนตลอดทั้งปี”
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนากล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จในการปั้นเซ็นทรัล วิลเลจให้เป็น The First Real Luxury Outlet in Thailand ด้วยการมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ตด้วยมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้จากความสำเร็จในเฟสแรก เราเล็งเห็นถึงจุดแข็งและจุดต่างของโครงการที่ดึงดูดและตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนมแต่เป็น Lifestyle Destination ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเซ็นทรัลพัฒนา 5 กลยุทธ์ปั้น “เซ็นทรัล วิลเลจ” สำเร็จยืนหนึ่งตลอดกาล ได้แก่
1) ตัวจริง ยอดขายดี เติบโตต่อเนื่องโดยมีความสำเร็จจากเฟสแรกในด้านยอดทราฟฟิกที่สูงในวันเปิดตัว มียอด Occupancy Rate 99% มาตลอด และหลังคลายล็อคดาวน์มียอด Transaction เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14% (เปรียบเทียบปี 2020 กับ 2021) หลายแบรนด์มียอดขายที่ดีเกินความคาดหมายหรือ Impressive Sales อาทิ JIM THOMPSON FACTORY STORE ทุกครั้งที่จัดงาน Annual Sale ก็ประสบความสำเร็จทุกครั้ง, THE COSMETICS COMPANY STORE รวมถึงแบรนด์ที่เป็น Exclusive Stores กับเราที่เดียว ก็มียอดขายที่ดี ได้แก่ ERMENEGILDO ZEGNA, POLO RALPH LAUREN, CALVIN KLEIN, TOMMY HILFIGER, MARIMEKKO, BATH & BODY WORKS, VICTORIA’S SECRET และแบรนด์อย่าง OUTLET BY CLUB21, COACH, MICHAEL KORS, KATE SPADE, ADIDAS ก็ทำยอดขายได้สูงเช่นกัน
ในเฟสสองมีกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้คู่ค้า ด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยดึงดูด Traffic ซึ่งเป็นความสำเร็จของเราในทุกโครงการ อย่างเซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัล อยุธยา ที่เพิ่งเปิดให้บริการล่าสุด ก็มียอดทราฟฟิกที่ดีตั้งแต่วันแรก รวมไปถึงแผนธุรกิจที่จะช่วยให้คู่ค้า Tenants ขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจ กับ Flexible Leasing Programme
2) แบรนด์ชั้นนำ ครบทุก Tier ครบทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่ Luxury brands ไปจนถึง Bridge Lineครบทุก Categoryรวมสองเฟสมีแบรนด์ชั้นนำ 300 แบรนด์ อาทิ
• Luxury & Premium Fashion & Accessories: CALVIN KLEIN, COACH, ERMENEGILDO ZEGNA, KATE SPADE, KENZO, LUX GALERIE (MOSCHINO, ALICE+OLIVIA, VIVIENNE WESTWOOD), MAX&CO., MARIMEKKO, MICHAEL KOR, OUTLET BY CLUB 21, POLO RALPH LAUREN, RUNWAY EIGHTY (CHLOE, JIMMY CHOO, VALENTINO),SALVATORE FERRAGAMO, SWAROVSKI, VILEBREQUIN, WEEKEND MAXMARA, SIWILAI, TUMI
• Sport Fashion: ADIDAS, CARNIVAL, CHAMPION, CONVERSE, DUCATI, ELEMENT 72, LE COQ SPORTIF, ONITSUKA TIGER, PUMA, QUIKSILVER, RIP CURL, SKECHERS, SUPERSPORTS, UNDER ARMOUR
• Fashion & Accessories:ALDO, ANELLO, CATH KIDSON, COCCINELLE, CROCS, DAKS, ECCO, FITFLOP, G2000, GIORDANO, GUESS, KEDS, KENNETH COLE, KIPLING, LEE WRANGLER, LEVIS, MELISSA, PANDORA, PLAYBOY SANRIO, SUNGLASS HUT, TOMMY HILFIGER, VICTORIA’S SECRET, WATCH STATION
• Cosmetic: BATH & BODY WORKS, COS MARCHE, KARMART, L’OREAL LUXE, NATURE RETREAT, THE COSMETICSCOMPANY STORE
• Specialty: BOOTS, ELEPH, JIM THOMPSON FACTORY STORE, LEGO, NARAYA, OWNDAYS, SAMSONITE, PASAYA, RESTIER
• Food & Beverages:A PINK RABBIT CAKE CAFE + PALETTE, BONCHON, CAFÉ AMAZON, ชาตรามือ, FRESH ME, FUJI RESTAURANT, แหลมเจริญซีฟู้ด, ลาวญวน,เตี๋ยวไข่ตะลึง,MK RESTAURANTS, OLINO CREP & TEA, RED DIAMOND SPECIALTY COFFEE, STARBUCKS, SUSHI HIRO, SWENSENS
โดยเฟส 2 มีแบรนด์ใหม่ๆ หลากหลายเติมเต็มทุก lifestyle ทั้งกลุ่ม Sport & Adventure สำหรับแฟชั่นกีฬาที่เจาะลึก ทั้ง Golf, การวิ่งกลุ่มเครื่องสำอางและแฟชั่น อย่าง Pomelo, Beautriumกลุ่มครอบครัว ทั้งร้านของเล่นแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น, ร้าน Pet N Me ครั้งแรกของเอาท์เล็ต ซึ่งเป็น Category ใหม่สำหรับเอาท์เล็ตในเมืองไทย, B2S เอาท์เล็ตครั้งแรกและ แบรนด์ technology อย่าง XIAOMI BY Dimi Technology
3) ขยายฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงอย่างต่อเนื่องโดยสามารถดึงลูกค้าข้าม Catchment ได้ครอบคลุมBangkok CBD ที่มีกำลังซื้อสูง โดย 70% คือลูกค้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงมีลูกค้าประจำที่อยู่รอบศูนย์ฯ มีโรงเรียนอินเตอร์, หมู่บ้านระดับกลางถึงไฮเอนด์นอกจากนี้ เราประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องในการสร้าง Lifestyle Communities ใหม่ๆ ได้แก่
• กลุ่ม Family: เพิ่มแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น อาทิ สินค้า Home & Living, เครื่องครัว, ของเล่นเด็กและเสื้อผ้า พร้อมด้วยสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่แบบ Full-scale playground, Pet-Friendly สร้างคอมมิวนิตี้คนรักสัตว์ และร้านชา-กาแฟ สไตล์ญี่ปุ่น
• กลุ่ม Wealth เจาะกลุ่ม High spender จัดกิจกรรม Supercar meeting ทุกสัปดาห์ และสามารถ Targeting กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงของศูนย์การค้าเซ็นทรัลในสาขาอื่นๆ ทั่วประเทศมาต่อยอดทำ CRM Marketing ได้อย่างตรงจุด
• กลุ่ม Sport Lifestyle: ทำให้โครงการกลายเป็น Sport Destination มีกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬา เล่น Skateboard ดังนั้นเราจึงเติมเต็มด้วยแบรนด์ใหม่ๆอาทิ Rev-Runner ร้านรองเท้าวิ่ง และอุปกรณ์วิ่งโดยเฉพาะ, Columbia อุปกรณ์แคมป์ปิ้ง, จักรยาน, กอล์ฟ, วิ่ง และลาน Skate park
4) เพิ่มช่องทางการขาย Intensive Omnichannel ทั่วประเทศCHAT & SHOP เป็น ‘Perfect Integration’ ที่ลงตัวเมื่อจับคู่กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศสามารถ Targeting ลูกค้ากำลังซื้อสูงของสาขาอื่นมาต่อยอดทำ CRM Marketing ได้และเรามี Unbeatable Advantage ของการมีศูนย์การค้าทั่วประเทศ เป็นจุดส่งต่อสินค้าให้บริการ Cross Border และมีแผนเจาะกลุ่มตลาดเอเชียและอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่ม CLMV และมาเลเซียนอกจากจะเป็นการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว ยังช่วยสร้างยอดขายให้กับ Tenants ของเรา ช่วยให้คู่ค้ายังคงสามารถทำธุรกิจและเติบโตไปกับเราได้อย่างต่อเนื่อง
5) มากกว่าเอาท์เล็ตสร้าง Festive Vibes ตลอดทั้งปีมอบประสบการณ์ที่มากกว่าการมาช้อปปิ้งเอาท์เล็ต ด้วยไฮไลต์ในเฟสสอง อาทิ การเป็น Food destination รวมร้านอาหารดังไว้มากมาย และเตรียมพบกับ ‘ตรอกญี่ปุ่น’ ที่คนชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นต้องไม่พลาด,จุดAttraction landmark อาทิ ลานน้ำพุขนาดใหญ่ ภายใต้การตกแต่งสถาปัตยกรรมแบบ Thai heritageและร่มรื่นด้วยพันธ์ไม้นานาชนิด โดยในช่วงเทศกาลปลายปีเตรียมเนรมิตต้นคริสต์มาสยักษ์กลางลานน้ำพุ ตระการตากับการประดับไฟทั่วทั้งพื้นที่ สร้างFestive Vibes ฉลองสิ้นปีไม่แพ้บรรยากาศเอาท์เล็ตเมืองนอก เพื่อส่งพลังความสุข Forwarding Happiness 2022 ให้กับทุกคน พร้อมจุด Instagrammable Photo Landmark สีสันสดใสทั่วทั้งศูนย์ฯ
“เซ็นทรัล วิลเลจ” มีมูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 36,000 ตร.ม. มีที่จอดรถมากกว่า 2,000 คัน เดินทางสะดวกจากในเมือง Bangkok CBD เพียง 30-45 นาที และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมมอบเอาท์เล็ตดีลที่ดีที่สุด ช้อปแบรนด์เนมคุณภาพดีในราคาคุ้มค่าลดสูงสุด 35-70% ช่วงแคมเปญพิเศษลดถึง 90% เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 – 22.00 น. ติดตามรายละเอียดอื่นๆ:http://www.centralvillagebangkok.com, LINE: @centralvillage,Facebook: Central Village, Instagram: centralvillagebangkok