ซีเค พาวเวอร์ ตั้งเป้าเติบโตเท่าตัว ภายใน 3 ปี เดินหน้าเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอีก 2,800 เมกะวัตต์

  • ตั้งเป้าเติบโตสอดคล้องเมกะเทรนด์พลังงานโลก ผ่าน 3 การลงทุนใหม่ในต่างประเทศที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก
  • เดินหน้าร่วมสนับสนุนนโยบายประเทศ สู่การลดระดับคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนในระยะยาว­­­
  • คาดภายใน 5 ปี สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าเกือบทั้งหมดของบริษัทจะมาจากพลังงานหมุนเวียน

“มีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างมหาศาลจากการดิสรัปชั่นทั่วโลกที่มุ่งเป้าสู่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จุดยืนของเราซีเคพาวเวอร์ในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จะเอื้ออำนวยให้เราได้รับประโยชน์จากเทรนด์การผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคตอย่างเต็มที่อีกทั้งยังได้เปิดโอกาสให้เราได้ร่วมสนับสนุนนโยบายการลดคาร์บอนเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม” นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน)

บริษัทซีเคพาวเวอร์จำกัด (มหาชน) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ประกาศว่า บริษัทมีแผนขยายขนาดธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นมากกว่าเท่าตัว ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าขึ้นอีกประมาณ 2,800 เมกะวัตต์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ทั่วโลกหันไปผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ซีเคพาวเวอร์มีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งให้เป็น 4,800 เมกะวัตต์ภายในปีพ.ศ. 2567 โดยโครงการใหม่ทั้ง 6 นี้จะเป็นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศโดยกำลังการผลิตติดตั้งใหม่ทั้งหมดของเราจะมาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ และพลังงานลม”

“ตามแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเรา เราตั้งเป้าที่จะเข้าไปขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ในต่างประเทศผ่าน 3 การลงทุนใหม่ ซึ่งทุกโครงการจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด” นายธนวัฒน์กล่าว

นายธนวัฒน์เปิดเผยว่า ภายในเวลา 5 ปีข้างหน้าซีเคพาวเวอร์จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นอีกกว่าสิบเท่าตัว หรือที่ 330 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น ภายในระยะเวลาเดียวกัน ก็จะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมขึ้นอีกสองเท่ากลายเป็น 700 เมกะวัตต์ ซึ่งในที่สุดจะส่งผลให้ 95% ของไฟฟ้าที่บริษัทผลิตทั้งหมดมาจากการใช้พลังงานหมุนเวียน

นายธนวัฒน์กล่าวว่า “มีโอกาสใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างมหาศาลจากการที่ทั่วโลกหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ COP 26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติเห็นชอบในข้อตกลง Glasgow Climate Pact ด้วยการที่ประเทศต่างๆ ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมายในการควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และกำหนดให้ปี พ.ศ. 2563 เป็นปีเริ่มต้นของการเดินหน้าภารกิจสำคัญในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก และส่งผลในเชิงบวกต่อกลยุทธ์ธุรกิจระยะยาวของซีเคพาวเวอร์ ที่เราได้วางไว้ทั้งนี้ ประสบการณ์ที่ยาวนานของเราในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน จะส่งผลให้เราได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทรนด์การผลิตไฟฟ้าแห่งอนาคตและในขณะเดียวกัน การที่เราเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่มีระดับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำที่สุดรายหนึ่ง จะทำให้เรามีส่วนช่วยสนับสนุนเรื่องการลดคาร์บอนของประเทศไทย เพื่อช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนด้วยเช่นกัน”

มีการคาดการณ์ว่าความต้องการพลังงานในภูมิภาคอาเซียนจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ภายในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจะอยู่ที่ประมาณ 20% ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

สำหรับประเทศไทยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการนำเข้าไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานน้ำจาก 9% เป็น 18% ภายในเวลาไม่เกิน 10 ปีนับจากนี้ ในขณะที่ภายในปีพ.ศ. 2573 ประเทศไทยตั้งเป้าให้ 30% ของรถยนต์ใหม่เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า และภาคการขนส่งจะกลายเป็นผู้ใช้พลังงานรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน นำหน้าภาคอุตสาหกรรม

แนวโน้มอื่นๆ ที่นายธนวัฒน์ระบุว่าจะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้ความต้องการไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น ได้แก่การที่รัฐบาลและบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกต่างเห็นพ้องต้องกันมากยิ่งขึ้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน ในฐานะเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่จะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของแต่ละประเทศ นอกเหนือไปจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ซีเคพาวเวอร์มีรายได้รวมในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 อยู่ที่ 2,509 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.7% และมีรายได้รวมงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 อยู่ที่ 6,905 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.6% กำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 2,056 ล้านบาทจากกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 397 ล้านบาท

นายธนวัฒน์กล่าวเสริมว่า ซีเคพาวเวอร์มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยมีอัตราตราส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำเพียง 0.67 เท่า ขณะเดียวกันก็มีงบดุลที่แข็งแกร่ง พร้อมกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากสัญญาจำหน่ายกระแสไฟฟ้าระยะยาวที่ทำกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “CKP” เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอยู่ในดัชนี SET 100 ตลอดจนได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (THSI)ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงอยู่ในดัชนี SETCLMV ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทจดทะเบียนของไทย ที่มีการทำธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV และได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่อันดับ “A” แนวโน้ม “คงที่” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด