หลังโควิด-19 เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โลกพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จนถึงปัจจุบันซึ่งสถานการณ์โควิด มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนที่เคยทำตัวไม่ถูกกับการใช้ชีวิตในแบบ New Normal เริ่มคุ้นเคยกับมาตรการป้องกันต่างๆ ที่มีใช้กันอยู่จนเสมือนหนึ่งกิจวัตรประจำวันของชีวิต ส่วนในภาคธุรกิจ ทุกบริษัทยังคงปรับตัว เพื่อผลักดันธุรกิจของตนให้ก้าวหน้าต่อไปในยุคเปลี่ยนผ่านสู่โลกหลังยุคโควิด สิงห์ เอสเตท ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็มีการปรับตัวย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับคอมเมอร์เชียล, ไลฟ์สไตล์มอลล์ หรือธุรกิจด้านอาคารสำนักงานให้เช่า และยังคงเดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ในทำเลทองที่เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญทางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอาคารสำนักงานของไทยให้ทันสมัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน พร้อมต้อนรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การใช้ชีวิต และการทำงานวิถีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
นางอรณีย์ พูลขวัญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจค้าปลีกและการพาณิชย์ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ถึงแม้สถานการณ์โควิด-19 จะเข้ามาดิสรัปการใช้ชีวิตและการทำงานของผู้คน แต่สิงห์ เอสเตทก็ยังมั่นใจว่าธุรกิจคอมเมอร์เชียลของบริษัทจะกลับมาเติบโตในช่วง Post-Covid ได้อย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง เนื่องจากสิงห์ เอสเตทมีการเตรียมความพร้อมและมีการพัฒนาที่สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยมีจุดแข็งที่สำคัญในเรื่องทำเลที่ตั้งของอาคารสำนักงานเป็นหัวใจสำคัญ รวมทั้งมีการลงทุนยกระดับโครงการอาคารสำนักงานทั้งหมดในทุก ๆ ด้าน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุด ให้กับลูกค้าผู้เช่าอาคารและผู้มาใช้บริการ โดยปัจจุบันสิงห์ เอสเตท มีทั้งหมด 4 อาคารสำนักงาน ที่ตั้งอยู่ใน 3 ทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ ประกอบด้วย พร้อมพงษ์, เพชรบุรี-อโศก และวิภาวดีรังสิต รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 195,000 ตร.ม.
เริ่มต้นด้วยโครงการระดับเพชรหัวแหวนในย่านจตุจักร ซึ่งเป็นโครงการใหม่ล่าสุดของสิงห์ เอสเตท คือ โครงการ เอส โอเอซิส (S OASIS) ที่พร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 2 ของปีนี้ เป็นอาคารที่ได้รับการวางแผนและพัฒนาให้เป็นอาคารสำนักงานระดับเกรด A แห่งแรกบนถนนวิภาวดีรังสิต เป็นอาคารสูง 35 ชั้น มูลค่า 3,695 ล้านบาท ประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีกรวมกว่า 55,000 ตารางเมตร พร้อมที่จอดรถทั้งในอาคารและนอกอาคารรวมกว่า 2,000 คัน นอกจากนี้ยังเพิ่มจุดจอดรถ EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอบสนองเทรนการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเติบโตของปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเพิ่มมากขึ้น เอส โอซิสตั้งอยู่ในทำเลทองบนถนนวิภาวดีรังสิต เชื่อมต่อกับห้าแยกลาดพร้าว ใกล้สถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นศูนย์กลางการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟปกติ รองรับการขยายตัวทางธุรกิจในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนเหนือในอนาคตอันใกล้ เอส โอเอซิส จึงเปรียบเสมือนเพชรหัวแหวนในจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่มีพลวัตรทางเศรษฐกิจหลายแสนล้านบาทและการสัญจรของประชาชนหลายแสนคนหมุนเวียนอยู่โดยรอบทุกวัน
จุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่งของอาคารเอส โอเอซิส คือเป็นอาคารอัจฉริยะและอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐาน LEED พื้นที่ใช้งานได้รับการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเช่าพื้นที่สำนักงานเต็มรูปแบบ หรือการใช้พื้นที่แบบ Co-Working Space รวมถึงการใช้เทคโนโลยีลดการสัมผัสมาใช้กับพื้นที่ส่วนกลางเพื่อสุขอนามัยที่ดีของทั้งผู้เช่าและผู้ใช้อาคาร
พื้นที่ข้าง ๆ เอส โอเอซิส คือ อาคารซัน ทาวเวอร์ส อีกหนึ่งโครงการของสิงห์ เอสเตท บนถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ตัวโครงการประกอบด้วยอาคาร เอ สูง 32 ชั้น และอาคารบี สูง 40 ชั้น พื้นที่ให้เช่าและพื้นที่ค้าปลีกรวมกว่า 66,000 ตารางเมตร ที่จอดรถ 1,300 คัน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเต็มรูปแบบ เช่น ห้องประชุม ฟิตเนสเซ็นเตอร์ และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ มีความโดดเด่นด้านความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานทั้งด้านกฏหมาย, ด้านวิศวกรรม และด้านการบริหารความปลอดภัยจากอัคคีภัย โดยมีรางวัล Building Safety Awards 2021 เป็นเครื่องรับประกัน นอกจากนี้ ซัน ทาวเวอร์ส ยังเป็นอาคารที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการป้องกันการระบาดของโควิดประเภทอาคารสูง ในระดับแนวหน้าด้วย จึงมั่นใจได้ว่าทุกคนที่เข้ามาใช้พื้นที่ภายในอาคารจะได้รับความปลอดภัยตามมาตรฐานในทุกด้าน
อาคารล้ำสมัยในอีกจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจบนถนนเพชรบุรี คืออาคาร สิงห์ คอมเพล็กซ์ (SINGHA COMPLEX) ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ ยูสระดับแฟล็กชิปของ สิงห์ เอสเตท ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านอโศก-เพชรบุรี เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของย่านธุรกิจ ซึ่งมีทั้งศูนย์ประชุมระดับนานาชาติ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ มหาวิทยาลัย และโรงแรมระดับ 5 ดาว สามารถเข้าถึงตัวอาคารได้อย่างสะดวกสบายด้วยทางเดินใต้ดินที่เชื่อมกับสถานี MRT เพชรบุรี สิงห์ คอมเพล็กซ์ ได้รับการออกแบบให้เป็นสมาร์ทออฟฟิศที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและแอปพลิเคชั่นด้านการจัดการและการควบคุมอาคาร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าพื้นที่และผู้ใช้บริการในพื้นที่ค้าปลีก นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบปรับอากาศของอาคารด้วยการติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV-UVC และฟอกอากาศด้วยโอโซน เพื่อให้อากาศภายในอาคารสะอาดและมีออกซิเจนเพิ่มขึ้น ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้โปร่งโล่ง เปิดรับวิวและแสงจากภายนอกด้วยกระจกบานใหญ่ ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายเหมาะกับการทำงาน มี Co-Working Space ที่สามารถมานั่งทำงานและพักผ่อน พร้อมบริการฟรี Super Wifi ความเร็ว 1GB/วินาที ครอบคลุมทั่วพื้นที่ส่วนกลางที่เร็วที่สุดในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา สิงห์ คอมเพล็กซ์ มีอัตราการเช่าเฉลี่ยสูงถึง 98% มีพนักงานออฟฟิศและประชาชนหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการที่อาคารแห่งนี้เฉลี่ยถึงวันละ 10,000-20,000 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่ยังแข็งแกร่ง และพร้อมรับการฟื้นตัวของตลาดที่น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2565 นี้
ถัดจากสิงห์ คอมเพล็กซ์มาทางถนนสุขุมวิท คืออาคาร เอส เมโทร (S METRO) ซึ่งตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ ย่านที่พักอาศัยและที่ตั้งสำนักงานยอดนิยมของชาวต่างชาติ รวมถึงเป็นย่านท่องเที่ยวที่ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสวนเบญจสิริที่เป็นแหล่งพักผ่อนของคนที่พักอาศัยในบริเวณดังกล่าว ตัวอาคารมูลค่า 1,725 ล้านบาท มีพื้นที่ให้เช่าเกือบ 14,000 ตารางเมตร อยู่ใกล้กับสถานี BTS พร้อมพงษ์ สิงห์ เอสเตทได้ลงทุนเพื่อปรับปรุงตัวอาคารและพื้นที่ รวมถึงระบบต่าง ๆ ภายในอาคารให้ทันสมัย เหมาะกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไปจากเดิม และยังยกระดับอาคารในด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะ และได้รับรางวัลอาคารประหยัดพลังงาน MEA Energy Award ประเภทอาคารสำนักงาน ประจำปี 2564 จากการไฟฟ้านครหลวง จึงมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการพลังงานและระบบอากาศภายในอาคารที่มีคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมาอาคาร เอส เมโทร ได้รับความนิยมจากบริษัทนานาชาติ รวมถึงผู้ประกอบการและกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่เป็นอย่างสูง โดยมีอัตราการเช่าเฉลี่ยเกือบ 90%
“ล่าสุดอาคารสำนักงานในเครือของสิงห์ เอสเตท ทั้ง เอส โอเอซิส, ซันทาวเวอร์ส, สิงห์ คอมเพล็กซ์ และเอส เมโทร ยังได้รับการประเมินให้เป็นอาคารที่ได้มาตรฐานด้านสุขอนามัย Thai Stop COVID โดยกรมอนามัย เรามีระบบการจัดการเพื่อป้องกันไวรัสโควิด19 ที่เข้มงวด กล่าวได้ว่า สิงห์ เอสเตทของเรามีความพร้อมในการให้บริการ และดำเนินธุรกิจอาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก โดยทุกอาคารเป็นอาคารที่พัฒนาขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับวิกฤติโควิด19 และการปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเป็นแบบ New Normal เราจึงออกแบบ พัฒนา และปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ให้ทุกๆ อาคารของสิงห์ เอสเตท ตอบโจทย์ด้านสุขอนามัย และการทำงานในแบบ Hybrid Work Model อย่างแท้จริง นอกจากนี้ด้วยจุดแข็งในด้านทำเลที่ตั้งต่าง ๆ ที่ครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจทั้งด้านเหนือและด้านใต้ของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่บนถนนวิภาวดีรังสิต หรือย่านธุรกิจยอดนิยมอย่างพร้อมพงษ์ และอโศก-เพชรบุรี ทำให้สิงห์ เอสเตท พร้อมที่จะเป็นทางเลือกให้กับบริษัททั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก รวมถึงกลุ่มสตาร์ทอัพที่ต้องการออฟฟิศในทำเลที่ดี มีความทันสมัย และสะอาดปลอดภัย เพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและตอบสนองสไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ตามที่ต้องการ” นางอรณีย์ กล่าวสรุป