SABINA เผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2564 รายได้ 803.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2563 (YoY) ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 98.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.6% (QoQ) และเพิ่มขึ้น 39.6% (YoY) สูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ด้านรายได้รวมทั้งปีอยู่ที่ 2,655.7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 8.9% โดยมีกำไรสุทธิทั้งปี 294.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 คิดเป็น 6.3% ชี้ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากยอดขายที่ฟื้นตัวหลังจากการเปิดเมือง รวมถึงยอดขายในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากแคมเปญช้อปปิ้ง 11.11 และ 12.12 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เป็นแรงผลักดันสำคัญ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเน้นบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปี 64 อยู่ที่ 48.9% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 47.4% ด้านที่ประชุมบอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.85 บาท
นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ สะท้อนการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แม้จะยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แต่การกระจายวัคซีนที่ครอบคลุมได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ประกอบกับการปรับรูปแบบการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของผู้บริโภค ทำให้ภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงการจับจ่ายใช้สอยมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกัน ก็ต้องยอมรับว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี การจัดแคมเปญรวมกับแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ ทั้งแคมเปญ 11.11 และ 12.12 เป็นอีกปัจจัยหนุนที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 46.8% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 77.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีเดียวกัน โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 39.6% เมื่อเทียบไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน
“แม้ว่า การใช้จ่ายยังไม่ได้กลับสู่ภาวะปกติเหมือนก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4 ที่ยอดขายจากช่องทางค้าปลีก (Retail) ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ซาบีน่าในห้างสรรพสินค้าหรือซาบีน่า ช็อป ที่กลับมาฟื้นตัวจากการเปิดเมือง ขณะที่ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ (NSR : Non-Store Retailing) ก็มีแคมเปญมาสนับสนุน เช่นเดียวกับรายได้จากช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) ที่แนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาสสุดท้ายสามารถทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ SABINA ที่เราพยายามจะทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทายในภาวะที่เรายังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากการระบาดและการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19” นางสาวดวงดาวกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ยังดำเนินกลยุทธ์ในการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของจัดหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการลดความสูญเสีย รวมถึงความยืดหยุ่นในการผลิตเองและจ้างโรงงานในต่างประเทศผลิต เพื่อควบคุมทั้งต้นทุนการผลิตและคุณภาพของสินค้าให้ตรงตามมาตรฐาน SABINA ทำให้ในปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 48.9% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 47.4%
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างน่าพอใจ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 จึงมีมติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.85 บาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.41 บาทต่อหุ้น คงเหลือการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.44 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2565
“เรายังเชื่อมั่นว่า จากแรงส่งในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จนถึงสัญญาณที่ดีขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ จะทำให้เป้าหมายรายได้ปี 2565 ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20% และจะสามารถกลับไปยังจุดสูงสุดเดิมที่เราเคยทำไว้ในปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยกลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าของ SABINA รวมถึงการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขาย ตลอดจนการให้ความสำคัญของสินค้ากลุ่ม Sustainable Product ที่ใช้นวัตกรรมการผลิตและวัตถุดิบที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จะเป็นปัจจัยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ SABINA ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน” นางสาวดวงดาวกล่าว