เวียดนาม คือหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ทั่วโลกจะประสบกับปัญหาการเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด–19 แต่เวียดนามกลับมีการขยายตัวของ GDP ที่โดดเด่น เติบโตถึง 2.58% ในปี 2564 ที่ผ่านมา และคาดว่าในปี 2565 *มีแนวโน้มเติบโตได้ถึงประมาณ 6.80 % (ที่มา: https://tradingeconomics.com/vietnam/forecast) และที่สำคัญยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการพัฒนาด้านพลังงานทดแทน เหมาะแก่การขยายพอร์ตพลังงานสะอาดในระดับสูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียนในช่วงเวลานี้ จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมจากทั่วโลก รวมถึงไทย ต่างตบเท้า ทะยอยเข้าไปตั้งฐานการผลิตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
บ้านปู ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ได้เล็งเห็นว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์สำคัญในการเข้าไปลงทุนขยายพอร์ตพลังงานสะอาด สอดรับกับเทรนด์พลังงานโลก เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter เร่งเดินหน้าเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน ด้วยการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์รวม 5 แห่ง กำลังผลิตรวมกว่า 218 เมกะวัตต์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การมุ่งขยายการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนของบ้านปูในเวียดนามในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม เพราะนอกจากเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงติดอันดับโลกแล้ว ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตในด้านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุดของโลก ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางกลยุทธ์ของบ้านปูในการเสริมสร้างสินทรัพย์ด้านพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคต่าง ๆ เติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจในตลาดสำคัญ ๆ ทั่วโลกที่เราดำเนินธุรกิจอยู่”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เวียดนามเป็นประเทศที่น่าจับตามอง มีศักยภาพดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ด้วยปัจจัยด้านแรงงานที่แข่งขันได้ นโยบายสนับสนุนที่ชัดเจนต่อเนื่องจากภาครัฐ ทิศทางการส่งออกที่ขยายตัวดี โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯในครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 42.6% สะท้อนการเติบโตของเวียดนามได้เป็นอย่างดี เมื่อเศรษฐกิจของประเทศเติบโต มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะการพัฒนาและผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเป็นที่ชัดเจน
จุดเด่นทางภูมิศาสตร์และนโยบายจากภาครัฐชัดเจน
ในปี 2564 หน่วยงานของรัฐบาลเวียดนามได้เปิดเผยร่างเป้าหมายด้านพลังงานฉบับที่ 8 (Power Development Plan 8 Draft) ว่า ภายในปี 2573 เวียดนามวางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ 18.6 กิกะวัตต์ และพลังงานลม 11.82 กิกะวัตต์ คิดเป็นร้อยละ 23 ของการผลิตพลังงานทั้งประเทศ ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศที่เอื้ออำนวย ทั้งสัดส่วนของพื้นที่ทั่วประเทศซึ่งมีความเข้มเฉลี่ยของแสงอาทิตย์ที่สูงตลอดทั้งปี และชายฝั่งทะเลเป็นแนวยาวกว่า 3,000 กม. ที่มีลมทะเลพัดแรงเฉลี่ยตลอดทั้งปีเช่นกัน
เวียดนามเป็นอีกตลาดสำคัญที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีในระยะยาว ทั้งจากนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และแนวทางพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน รวมถึงการพัฒนาการซื้อขายไฟฟ้าเป็นแบบการประมูลราคาค่าไฟ (Auction Scheme) ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในด้านการแข่งขันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจของบ้านปู ที่ผ่านมา บ้านปูได้ริเริ่มสร้างรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในตลาดเวียดนาม ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่หลากหลาย ซึ่งเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันในการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
ความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานสร้างความได้เปรียบการแข่งขัน
ในอนาคตเวียดนามยังมีนโยบายการพัฒนาพลังงานที่มุ่งเน้นแนวทางการกระจายตัวด้านการผลิตพลังงาน (Decentralization) จากส่วนรัฐบาลสู่ภาคเอกชน เพื่อสร้างการแข่งขันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาครัฐและราคาขายไฟถึงผู้บริโภค ซึ่งส่งผลให้บ้านปูมีความได้เปรียบในการเข้าไปลงทุนและทำธุรกิจ เนื่องจากมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจพลังงานในตลาดที่มีความก้าวหน้าสูง อย่างสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย หรือญี่ปุ่น จึงมีความคุ้นเคยกับระบบการซื้อ-ขายไฟฟ้าแบบเสรี ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายพลังงาน หรือการซื้อขายแบบส่งมอบทันที (Spot Market)
การลงทุนในเวียดนาม ถือเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในพลังงานที่สะอาดขึ้นและขยายระบบนิเวศด้านธุรกิจพลังงานของบ้านปู ปัจจุบัน บ้านปูมีการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรวม 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานลม จำนวน 2 แห่ง และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 3 แห่ง
สำหรับการลงทุนในส่วนของพลังงานลม บ้านปูได้เข้าซื้อ โรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน (El Wind Mui Dinh) กำลังผลิต 38 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เปิดดำเนินการแล้วและสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ ได้ทันที โดยโรงไฟฟ้าแห่งนี้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 ตั้งอยู่ในจังหวัดนินห์ถ่วน (Ninh Thuan) ซึ่งเป็นทำเลที่น่าจับตามองสำหรับการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม โดยปัจจุบัน กว่าร้อยละ 80 ของพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศมีแหล่งการผลิตมาจากจังหวัดดังกล่าว นอกจากนี้ยังมี โรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 และ โรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 2 และ 3 กำลังผลิต 50 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาโครงการเพื่อรองรับวิธีการซื้อขายไฟฟ้ารูปแบบใหม่จากทางรัฐบาลเวียดนาม
ในส่วนของการลงทุนด้านพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮาติ๋ญ (Ha Tinh) กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่บ้านปูลงทุนในเวียดนาม และเป็นโรงไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ในพื้นที่บริเวณชายฝั่งตอนกลางค่อนไปทางเหนือของเวียดนาม เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 นอกจากนี้ยังมี โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชูง็อก (Chu Ngoc) กำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียลาย (Gia Lai) เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 และ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์น็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ในจังหวัดนินห์ถ่วน เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 สำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 3 แห่งที่บ้านปูเข้าลงทุน มีราคารับซื้อไฟฟ้า (FiT) ในอัตราที่ดีและ เปิดดำเนินการผลิตอยู่แล้ว จึงสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ทันที รวมทั้งมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบสายส่งให้แก่การไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity: EVN) ตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า (PPA) เป็นระยะเวลา 20 ปี ส่งผลถึงรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
บ้านปูยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายการเติบโตในเวียดนามเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่อนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืนภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมเสริมความแกร่งให้ระบบนิเวศด้านพลังงานของบ้านปู รวมทั้งมองหาโอกาสการลงทุนทั้งในประเทศที่ดำเนินธุรกิจอยู่ทั้ง 10 ประเทศ และขยายการลงทุนไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยมุ่งเน้นโครงการที่สร้างกระแสเงินสดได้ทันที เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายกำลังการผลิตรวม 6,100 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 โดยเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 20% อย่างไรก็ตาม บ้านปูมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลระหว่างการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อม ตามหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ตลอดจนยึดมั่นในการเป็นพลเมืองที่ดีในทุกพื้นที่ที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ (Good Corporate Citizenship) เพื่อสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนต่อไป
Related