บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK หลังเข้าซื้อ บริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด หรือ GMVPI ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านระบบ SAP ครบวงจร ในสัดส่วนร้อยละ 80 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เปิดบริการที่ปรึกษาด้าน SAP อย่างเป็นทางการ ชูจุดแข็งด้วย ERP Maximization ที่มุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ผ่านการเขียนโปรแกรมประยุกต์ทางธุรกิจขั้นสูง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานระบบ SAP ได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเปิดตัวนวัตกรรม “LISMA (LINE as SAP Mobile Application)” การเชื่อมต่อระบบ SAP เข้ากับแพลตฟอร์ม LINE เพื่อยกระดับระบบ SAP ให้ล้ำสมัยและง่ายต่อการใช้งาน ปักธงกลุ่มเป้าหมายทั้งองค์กรขนาดกลางและใหญ่ที่ใช้งานระบบ SAP อยู่แล้ว เชื่อเป็นการเสริมขีดความสามารถด้านบริการให้กับบลูบิค
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเข้าซื้อบริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด เป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์ของบริษัทฯเพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้แบบ 360 องศา โดยบริษัทฯ มองเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันกับจีเอ็มวีพายอย่างยั่งยืน เพราะบริการด้าน SAP ได้เข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านบริการให้กับลูกค้าทั้งปัจจุบันและอนาคตของบลูบิคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันยังช่วยเสริมการเติบโตให้จีเอ็มวีพายในระยะยาว โดยในปี 2565 นี้ เรามีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้จากบริการที่ปรึกษาด้าน SAP ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
“ปัจจุบันพบว่าองค์กรที่ใช้ระบบ SAP อยู่แล้วส่วนใหญ่ยังใช้งานระบบ SAP ได้ไม่เต็มศักยภาพ ดังนั้นการทำ ERP Maximization ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทฯจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกค้า อีกทั้งนวัตกรรม LISMA ที่พัฒนาโดยจีเอ็มวีพายที่สามารถเชื่อมต่อระบบ SAP บนแพลตฟอร์ม LINE จะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้สะดวก ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเพราะคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการใช้ LINE อยู่แล้ว ดังนั้นบลูบิคจึงมั่นใจว่าทั้ง ERP Maximization และ LISMA จะเป็นกลไกที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของลูกค้าได้อย่างแน่นอน” นายพชร กล่าว
นายวรัทย์ ไล้ทอง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท จีเอ็มวีพาย จำกัด หรือ GMVPI กล่าวว่า บริษัทฯพบว่าปัจจุบันธุรกิจมีการนำระบบ SAP มาใช้แต่หลายแห่งกลับพบว่าไม่สามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สูญเสียทั้งงบประมาณและโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล ซึ่งอาจมาจากการเลือกใช้ที่ปรึกษาที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในระบบ SAP มากพอ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังเร่งปรับปรุงและอัพเกรดระบบ SAP เวอร์ชันเดิมสู่เวอร์ชันใหม่ คือ S/4 HANA และต้องการที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์สูงเพื่อการใช้งานระบบใหม่ดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงมองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปช่วยเติมเต็มการใช้งานระบบ SAP ให้องค์กรธุรกิจสามารถใช้งานระบบ SAP ที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการให้คำปรึกษาจะเน้นไปยัง 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
- Performance Tuningให้คำแนะนำและแก้ไขปัญหาระบบSAP ที่ทำงานช้า อันเกิดจากโปรแกรมที่ผู้พัฒนารายเดิมทำไว้ไม่ถูกต้องตามหลักการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้ไม่สามารถรองรับปริมาณข้อมูลบนระบบที่เพิ่มมากขึ้นในระยะยาวได้ โดยจะเน้นให้คำแนะนำตลอดจนแก้ไขตัวโปรแกรมที่มีปัญหาให้สามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Enhancement & Reengineeringแนะนำเพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานบนระบบSAP ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมการวิเคราะห์และเสนอแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยจะเน้นที่การพัฒนาโปรแกรมเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกและลดข้อผิดพลาดในการทำงานให้กับกลุ่มผู้ปฏิบัติงานบนระบบ SAP
- Problem Investigationค้นหาสาเหตุของปัญหาหรือข้อผิดพลาดทางเทคนิคบนระบบSAP ที่ผู้พัฒนารายเดิมทำไว้ โดยมุ่งเน้นไปที่การค้นหาต้นตอที่แท้จริงของปัญหา พร้อมทั้งดำเนินการแก้ไขอย่างครบวงจรและยั่งยืน
โดยยังมีจุดเด่นในการให้บริการที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น คือ การทำโปรแกรมเพิ่มเติมบนระบบ SAP เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับผู้ใช้งาน โดยไม่กระทบกับกระบวนการทำงานและระบบควบคุมมาตรฐานของ SAP
นอกจากนั้นการให้บริการด้าน SAP จะครอบคลุมบริการ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การออกแบบกระบวนการทำงานบนระบบ SAP (SAP Business Process Flow Design): ออกแบบกระบวนการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งานบนระบบ SAP 2. การออกแบบและพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP (SAP Customization and Enhancement): วิเคราะห์ความต้องการทางธุรกิจของลูกค้าและนำมาพัฒนาโปรแกรมให้ตรงกับความต้องการ 3. การให้ความช่วยเหลือและดูแลรักษาระบบ SAP (SAP Support and Maintenance): ดูแลรักษาทั้งระบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ระหว่างการใช้งานของลูกค้าอย่างใกล้ชิด และ 4. การจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับระบบ SAP (SAP Training): ฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับระบบ SAP และการพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ให้กับผู้ดูแลระบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถดูแลและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับระบบ SAP ได้
“นอกจากความเสียหายด้านงบประมาณและโอกาสทางธุรกิจจากการเลือกใช้ที่ปรึกษาที่ขาดความรู้และความเชี่ยวชาญในระบบ SAP บริษัทฯยังพบว่าหลายองค์กรมีความต้องการใช้งานฟีเจอร์ที่ออกแบบตามความต้องการใช้งานเฉพาะของแต่องค์กร ซึ่งไม่มีในแพคเกจมาตรฐานที่ทาง SAP ให้มา ในขณะที่การพัฒนาและออกแบบฟีเจอร์ตามความต้องการของลูกค้าต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญในการเขียนโปรแกรมแอปพลิเคชันทางธุรกิจขั้นสูงบนระบบ SAP หรือ Advanced Business Application Programming (ABAP) ซึ่งมีบริษัทที่ปรึกษาเพียงน้อยรายที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นการทำ ERP Maximization ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ มองหาบริการบนระบบ SAP ที่สูงกว่ามาตรฐานทั่วไปได้อีกด้วย” นายวรัทย์ กล่าว
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา บริษัท จีเอ็มวีพาย ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศมากกว่า 10 แห่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และค้าปลีก เนื่องจากมาตรฐานการให้บริการที่โดดเด่น อาทิ ทีมงานที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ด้านระบบ SAP ไม่น้อยกว่า 10 ปี ทีมงานโปรแกรมเมอร์ประสบการณ์สูงที่มีผลงานทั้งในและต่างประเทศ และเคยผ่านงานด้านการพัฒนาโปรแกรมบนระบบ SAP ที่มีความซับซ้อนระดับสูง ทีมงานออกแบบระบบที่มีความรู้ทั้งด้านธุรกิจและการเขียนโปรแกรมที่สามารถออกแบบระบบที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและถูกต้องตามหลักการทำงานของ SAP โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการรับประกันของ SAP และที่สำคัญคือการออกแบบระบบโดยคำนึงถึงความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการทำงานของลูกค้าเป็นหลัก
“หลังการควบรวมในครั้งนี้ เรายังมีแผนในการเพิ่มบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเพื่อรองรับการเติบโตอีกอย่างน้อย 20 คน ซึ่งปัจจุบันเรามีทีมงานที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญระบบ SAP ที่ได้รับการรับรองจาก SAP ประเทศไทยซึ่งถือว่ามีจำนวนน้อยมากในประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญของทีมงานที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหนือมาตรฐานและเหนือความคาดหมาย” นายวรัทย์ ทิ้งท้าย