ซัมซุง ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ อย่าง Galaxy A53 5G ที่อัดแน่นไปด้วยนวัตกรรมล่าสุดในราคาสุดคุ้มค่า ทั้งกล้องที่ทำงานพร้อมกับ AI อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ มาตรฐานการทนน้ำกันฝุ่น IP67 ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ประมวลผลเร็วขนาด 5 นาโนเมตร หน้าจอขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่สุดอึด 5,000 มิลลิแอมป์ที่พร้อมรองรับการใช้งานได้นานถึงสองวัน รวมไปถึงการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G ระบบความปลอดภัยขั้นสูง การออกแบบอย่างมีสไตล์แต่ยังคงไว้ซึ่งความคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งการใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ภายใต้กาแลคซี่ อีโคซิสเต็ม และการรับประกันเพื่ออัพเกรด[1] One UI และ Android OS รวมถึงระบบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนอันยอดเยี่ยมอยู่เสมอ
ดร. ทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจ โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่าทุกคนควรได้รับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด ซึ่งด้วย Galaxy A Series ใหม่ที่เปิดตัวในวันนี้ จะทำให้ผู้ใช้ได้เข้าถึงนวัตกรรมอันล้ำสมัยของสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาที่คุ้มค่ากว่าที่เคย”
พร้อมบันทึกทุกความประทับใจได้ในทุกสถานการณ์
ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์หรือการแชร์คอนเทนต์ให้กับเพื่อนๆ สมาร์ทโฟน Galaxy A53 5G ก็พร้อมเสมอ! ด้วยนวัตกรรมกล้องที่มาพร้อมประสิทธิภาพและฟีเจอร์สนุกๆ มากมายเหมือนในสมาร์ทโฟนแฟลกชิป Galaxy S Series โดย Galaxy A53 5G จะมาพร้อมกล้องสี่ตัว กับความละเอียดสูงสุดที่ 64 ล้านพิกเซล รวมถึง OIS กันสั่น และเทคโนโลยี VDIS ทำให้ได้ภาพที่นิ่งและคมชัดในทุกครั้งที่ยกขึ้นมาถ่ายภาพ พร้อมกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล ที่จะทำให้การเซลฟี่และการวิดีโอคอลล์เป็นไปได้อย่างไร้ที่ติ
สมาร์ทโฟนจะทำงานผ่านชิปเซ็ต 5 นาโนเมตร ที่จะส่งต่อพลังไปให้กล้องซึ่งทำงานร่วมกับนวัตกรรม AI เพื่อให้บันทึกภาพได้อย่างสวยงาม รวมถึงฟีเจอร์การถ่ายภาพโหมดกลางคืนที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ จะนำภาพทั้งหมด 12 เฟรมมารวมเข้าด้วยกัน ทำให้ภาพถ่ายยามค่ำคืนดูคมชัดแม้แสงน้อยและมี Noiseลดลง ทั้งนี้ หากเป็นการถ่ายวิดีโอ Galaxy A Series จะทำการปรับเฟรมเรตให้โดยอัตโนมัติเพื่อภาพที่สว่างและชัดเจนขึ้นอีกด้วย
สำหรับ Portrait Mode ก็ได้รับการพัฒนาให้บันทึกภาพแบบชัดลึก พร้อมเก็บรายละเอียดโครงร่างของวัตถุได้แม่นยำยิ่งขึ้น ผ่านการทำงานของกล้องคู่และ AI อันทรงพลัง นอกจากนี้ใน Fun Mode ผู้ใช้ก็สามารถเพิ่มความสนุกสนาน ด้วยการใส่ฟิลเตอร์และเอฟเฟกต์แบบต่างๆ ไปพร้อมกับการใช้เลนส์อัลตร้าไวด์ ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ Photo Remaster ที่จะคืนความสดใสให้ภาพเก่ากลับมาเหมือนใหม่ ด้วยการตั้งค่าแสงและความละเอียดของภาพได้ตามต้องการ รวมถึงฟีเจอร์ Object eraser ที่จะลบภาพพื้นหลังที่ไม่ต้องการให้ออกไปได้ในทันที
ดูคอนเทนต์ได้ทุกที่ ทุกเวลา แสงจ้าแค่ไหนก็ไม่มีหวั่น
เมื่อก่อนการดูคอนเทนต์บนหน้าจอในที่แสงจ้าอาจทำได้ยาก แต่ด้วยอัลกอริธึมอัจฉริยะใน Galaxy A Series รุ่นใหม่ จะทำให้หน้าจอแสดงผลได้อย่างชัดเจนในทุกที่ทุกเวลา แม้แต่อยู่กลางแจ้งก็ตาม โดย Galaxy A53 5G มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว[2] ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานอันน่าประทับใจ ซึ่งผู้ใช้สามารถรับชมคอนเทนต์ สตรีมมิง หรือใช้งานเพื่อความบันเทิงอื่นๆ ได้อย่างจุใจผ่านแบตเตอรี่ที่อยู่ได้นานถึง 2 วัน[3]ที่รองรับการชาร์จเร็วถึง 25 วัตต์[4] ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
ดีไซน์อันสวยงาม ที่เปี่ยมด้วยความหมายและความทนทาน
Galaxy A Series มาพร้อมดีไซน์ที่เน้นทั้งในเรื่องแฟชั่น ฟังก์ชัน และการใช้งานอย่างยั่งยืน ด้วยความโดดเด่นของขอบจออันเพรียวบาง และการจัดวางบริเวณขอบมุมเพื่อให้กล้องผสานเข้ากับตัวเครื่องได้อย่างลงตัว โดยตัวเครื่องของทั้ง Galaxy A53 5G ทำมาจากกระจก Corning® Gorilla® Glass 5 พร้อมยังมีมาตรฐานการทนน้ำ IP67[5] เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซัมซุงได้ท้าทายแนวคิดที่ต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยี เพื่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติมาสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างมีคุณค่าสูงสุด ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคม 2021 ที่ผ่านมา ซัมซุงได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Galaxy for the Planet เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตั้งเป้าที่จะทำให้โลกดีขึ้นภายในปี 2025 ซึ่ง Galaxy A Series[6] ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการต่อยอดแนวความคิดดังกล่าว ด้วยการอะแดปเตอร์ออก พร้อมลดขนาดบรรจุภัณฑ์ให้เล็กลงและเปลี่ยนมาใช้วัสดุกระดาษที่มาจากแหล่งผลิตที่ยั่งยืน ในขณะที่ตัวเครื่องสมาร์ทโฟนก็มีชิ้นส่วนที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลจากผลิตภัณฑ์เหลือใช้ของผู้บริโภค ในบริเวณปุ่มด้านข้าง และถาดใส่ซิมการ์ดด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ซัมซุงยังได้วางแผนที่จะขยายอายุการใช้งานของสมาร์ทโฟนในตระกูล A Series ผ่านการรับประกันการอัพเกรด One UI และ Android OS สูงสุดถึง 4 เจเนอเรชัน และอัพเดตความปลอดภัยนานถึง 5 ปี ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงซอฟต์แวร์และระบบความปลอดภัยล่าสุด พร้อมเพิ่มอายุการใช้งานให้กับสมาร์ทโฟนของตนเองได้
เชื่อมต่อกาแลคซี่อีโคซิสเต็มได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยเพียงแค่ปลายนิ้ว
เมื่อใช้ Galaxy A Series ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้เลยว่าข้อมูลสำคัญต่างๆ จะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดี ด้วยระบบความปลอดภัย Samsung Knox โดยหากผู้ใช้ต้องการเก็บภาพถ่าย โน้ตสำคัญ หรือแอปพลิเคชันส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้คนอื่นทราบ ก็สามารถจัดเก็บแยกไว้ใน Secure Folder ที่เปรียบเสมือนตู้เซฟที่เข้ารหัสดิจิทัลซึ่งมีแต่ผู้ใช้จริงเท่านั้นที่จะเข้าได้ หรือหากต้องการแชร์ภาพหรือข้อมูล ก็สามารถเลือกใช้ฟีเจอร์ Private Share[7] ที่เราสามารถกำหนดบุคคลที่ต้องการให้เข้าถึงไฟล์และจำกัดระยะเวลาได้เช่นกัน
Galaxy A53 5G สามารถทำงานเชื่อมต่อกับกาแลคซี่อีโคซิสเต็มอื่นๆ ได้อย่างราบรื่น ซึ่งรวมถึงการเชื่อมต่อด้านระบบเสียงผ่าน Galaxy Buds Series ซึ่งในปัจจุบันสามารถใช้งานได้ร่วมกับ Galaxy Buds Pro และจะสามารถขยายการเชื่อมต่อไปยัง Galaxy Buds2 และ Galaxy Buds Live ได้ในเร็วๆ นี้ โดยผู้ใช้จะได้ดื่มด่ำกับเทคโนโลยีเสียงแบบ 360 องศา[8] ที่มีความคมชัด สมจริงแบบ 3D นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ยังพร้อมสำหรับการทำงาน ด้วยการใช้ Link to Windows[9] เพื่อเชื่อมต่อ Galaxy A Series ใหม่ เข้ากับคอมพิวเตอร์พีซี เพื่อคัดลอก โอนย้าย หรือแม้กระทั่งรับสาย หรือตอบข้อความได้อย่างไม่มีสะดุดอีกด้วย
[1] Galaxy A53 5G และ Galaxy A33 5G รองรับการอัพเกรด One UI และ Android OS สูงสุดสี่เจเนอเรชันและการอั
[2] วัดในแนวทแยง โดยจะได้ขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว เมื่อวัดสุดมุมฉาก และขนาด 6.3 นิ้ว เมื่อวัดสุดมุมโค้งมน ทั้งนี้ พื้นที่จอแสดงผลจริงอาจน้
[3] ประเมินจากพฤติกรรมการใช้
[4] ที่ชาร์จติดผนังวางจำหน่ายแยก ผู้ใช้ควรใช้เฉพาะที่ชาร์
[5] อ้างอิงตามเงื่
[6] Galaxy A Series บางรุ่นที่จะเปิดตัวในปี 2022 (A53 5G, A33 5G, A13, A23, A73 5G) และอีกมากมายในอนาคต
[7] ฟีเจอร์ Private Share ต้องการผู้ส่งและผู้รับที่ใช้
[8] ความพร้อมใช้งาน 360 Audio จำเป็นต้องอัพเดตซอฟต์แวร์ผ่
[9] ผู้ใช้ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์ซั