“สเวนเซ่นส์ ท่ามหาราช” สัมผัสกลิ่นอายรัตนโกสินทร์ สาขาแรกตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา


สเวนเซ่นส์ เดินเกมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภค ด้วยการตกแต่งสาขาให้เข้ากับโลเคชั่น ล่าสุดกับการเปิดตัว “สเวนเซ่นส์ ท่ามหาราช” สาขาแรกที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับสัมผัสกลิ่นอายความเป็นกรุงเก่า ด้วยการตกแต่งสุดคลาสิค หวังเป็นสาขาแม็คเน็ตดึงดูดนักท่องเที่ยวได้


คอนเซ็ปต์สโตร์ ย้อนยุคสู่กรุงเก่า

ในยุคปัจจุบัน การเปิดร้านอาหารคงไม่สามารถใช้แพทเทิร์น หรือรูปแบบเดียวกันได้กับทุกโลเคชั่น เพราะความต้องการ และพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด อีกทั้งยังเบื่อง่าย มีตัวเลือกเยอะมากขึ้น ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวเพื่อรับกับความเป็นไปของตลาด

นอกจากปัจจัยด้านของผู้บริโภคแล้ว ยังมีเรื่องการมาของวิกฤต COVID-19 ทำให้ทุกธุรกิจอยู่บนความไม่แน่นอนได้ทุกเมื่อ จึงได้เห็นเหล่าบรรดาร้านอาหารต่างดีไซน์ร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ หรือโมเดลใหม่ เพื่อเรียกเสียง “ว้าว” จากลูกค้า อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยงต่างๆ ได้ด้วย

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “สเวนเซ่นส์” ร้านไอศกรีมในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ได้เดินเกมนี้มาตลอด มีการเปิดโมเดลร้านพิเศษ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่

  1. Regional Flagship Store เป็นสาขาในรูปแบบสแตนอโลน มีการดีไซน์ให้เข้ากับวัฒนธรรมของจังหวัดนั้นๆ ปัจจุบันมี 5 สาขา ได้แก่ ภูเก็ต, ยะลา, น่าน, พิษณุโลก และนครศรีธรรมราช
  2. Concept Store เป็นสาขาที่มีการดีไซน์ให้เข้ากับสถานที่นั้นๆ เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่ กาดฝรั่ง จ.เชียงใหม่, แอท เอกมัย และท่ามหาราช

สเวนเซ่นส์ ท่ามหาราช ตั้งอยู่ในคอมมูนิตี้มอลล์สุดฮิปท่ามหาราช โดยเป็นสาขาแรกที่ได้โลเคชั่นติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย ที่สาขานี้เป็นโมเดลแบบ Concept Store เพราะมีการดีไซน์ร้านด้วยแรงบันดาลใจจากการเอากลิ่นอายย้อนยุคในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มาตกแต่งร้านให้เบลนด์เข้ากับสถานที่

โทนสีจะเน้นสีน้ำตาล และครีม ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ เก้าอี้ หรือโซฟา ทำให้มีความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปนั่งทานไอศกรีมในร้านของชาวบ้านในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ พร้อมกับมีการตกแต่งด้วยโทรศัพท์ ลำโพงสุดคลาสิค และมีพร็อบ พร้อมกับมุมถ่ายรูป ที่รับรองว่าถ่ายออกมาแล้วต้องเหมือน “ท่านเจ้าคุณ” อย่างแน่นอน

อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

“สาขาที่ท่ามหาราชเป็นรูปแบบ Concept Store ก่อนที่จะออกแบบร้านเราได้ศึกษาว่าลูกค้าเป็นใคร พร้อมกับดูคอนเซ็ปต์ของสถานที่ ถ้าย้อนกลับไปในอดีตบริเวณนี้มีประวัติศาสตร์ สามารถทำให้น่าสนใจขึ้นกว่าร้านธรรมดาได้ แถมยังได้โลเคชั่นอยู่ริมแม่น้ำ อีกทั้งสเวนเซ่นส์อยู่ในประเทศไทยมา 35 ปี มีรูปแบบร้านใหม่ๆ เรื่อยๆ สาขานี้จะเป็นสาขาที่ได้เหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปช่วงเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลลาดพร้าว มู้ดแอนด์โทน บรรยากาศ ชุดยูนิฟอร์มพนักงาน มีความย้อนยุคอยู่ในตัว”


ดีไซน์ให้เข้ากับสถานที่

โมเดล Concept Store ทั้ง 3 สาขานั้น จะมีความแตกต่างกัน โดยทางสเวนเซ่นส์จะทำการศึกษาคอนเซ็ปต์ของแต่ที่ จากนั้นจะดูกลุ่มลูกค้าบริเวณนั้นว่าเป็นกลุ่มไหน แล้วดีไซน์ให้เข้ากัน

ยกตัวอย่างเช่น สาขากาดฝรั่ง ดีไซน์คอนเซ็ปต์โมเดิร์น นอร์ท กลิ่นอายล้านนาแบบทันสมัย ให้เข้ากับจ.เชียงใหม่ สำหรับสาขาแอท เอกมัย เป็นคอมมูนิตี้แห่งใหม่ใจกลางเมือง ดีไซน์ด้วยคอนเซ็ปต์ไนท์ไลฟ์ หรือสีสันในเวลากลางคืน เพื่อให้เข้ากับเอกมัย เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นสำหรับนักท่องราตรี

ส่วนสาขาท่ามหาราชนี้ อนุพนธ์บอกว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพอย่างมาก ได้ดึงความย้อนยุคของกรุงเก่า แล้วดีไซน์ให้มีบรรยากาศช่วงยุครัตนโกสินทร์

“สาขานี้ใช้เวลาออกแบบ และก่อสร้างราว 6 เดือน ตัวคอนเซ็ปต์ไม่ได้ยากเท่าไหร่ เพราะเรามีสิ่งที่ต้องการ มี Reference ที่อยากได้เรียบร้อย ความยากอยู่ตรงที่จะทำออกมาอย่างไรให้น่าสนใจ เบลนด์ทุกอย่างให้เข้ากับสเวนเซ่นส์ และทำให้สาขานี้น่าสนใจให้มากที่สุดจึงเป็นเรื่องท้าทาย”


ทำเลทองดึงนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาล

ทำเลของท่ามหาราชเป็นอีกโลเคชั่นที่อนุพนธ์มองว่าน่าสนใจ เพราะเป็นโซนที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ มีกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และคนทำงาน เนื่องจากบริเวณนั้นมีทั้งม.ธรรมศาสตร์ และโรงพยาบาลศิริราช และยังเป็นท่าเรือข้ามฟาก เรียกว่ามีทราฟิกทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

และในท่ามหาราชนี้เอง ก็มีแบรนด์ร้านอาหารในเครือไมเนอร์ ฟู้ดเข้ามาเปิดให้บริการอยู่นานแล้ว ได้แก่ เดอะ คอฟฟี่ คลับ และบอนชอน ทำให้ได้ศึกษาข้อมูลของทำเลนี้ และพฤติกรรมของลูกค้าอยู่พอสมควร

ความสำคัญของสาขานี้ ทางสเวนเซ่นส์หมายมั่นปั้นมือที่จะให้เป็นอีกหนึ่งสาขาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว มีความเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาภายในไม่ช้า เพราะก่อนหน้าที่จะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ท่ามหาราชก็เป็นอีกจุดที่มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีน และตะวันตก

“สาขานี้มีศักยภาพ จะเป็นสาขาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว แม้ 2 ปีที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจะหายไป แต่มองว่าปีนี้จะกลับมา เราจึงต้องรีบจับพื้นที่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลลอยกระทง และวันปีใหม่ บริเวณนี้จะมีทราฟิกเพิ่มขึ้น 3 เท่า ร้านอาหารบางแห่งต้องเปิดจองโต๊ะกันในวันนั้นเลยก็มี เราก็กำลังคิดที่จะทำอะไรในช่วงเทศกาลอย่างแน่นอน”


จัดเมนูพิเศษด้วย “กล้วยไข่บวชชีกะทิซันเด”

แค่เปิดร้านในรูปแบบใหม่ๆ อย่างเดียวไม่พอ ยุคนี้ต้องมีเมนูใหม่ๆ หรือไอเดียใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น  ในช่วงที่ผ่านมานี้ ในการเปิดสาขาใหม่ในโมเดล Regional Flagship Store และ Concept Store ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับการเปิดตัวเมนูใหม่ ซึ่งเป็นเมนูพิเศษเฉพาะสาขานั้นๆ ที่สำคัญคือเป็นการคิดค้นเมนูให้เข้ากับสถานที่นั้นๆ อีกด้วย

ก่อนหน้านี้ในสาขาพิเศษต่างๆ ได้มีเมนูพิเศษทั้งสิ้น ล้วนเป็น Limited Edition ที่ขายเพียงแค่ชั่วคราว ได้แก่ ภูเก็ตทาวน์ มีเซ็นโกปิ๊, กาดน่าน มีไอศกรีมกะทิบัวลอย, ยะลา มีเมนูกล้วยหิน, และพิษณุโลกได้นำกล้วยตาก เป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดมาอยู่ในไอศกรีมของสเวนเซ่นส์อย่างลงตัว มีเพียง 2 แห่งที่กาดฝรั่ง และแอท เอกมัย ที่จะไม่มีเมนูพิเศษ

สาขาท่ามหาราชก็ไม่พลาดที่จะมีเมนูพิเศษอย่างแน่นอน ได้เปิดตัวเมนู “กล้วยไข่บวชชีกะทิซันเด” เป็นการนำเอาไอศกรีมกะทิ เป็นรสชาติที่ไม่เคยจำหน่ายในสเวนเซ่นส์มาก่อน มาผนวกกับกล้วยไข่บวชชี ให้ความรู้สึกวินเทจย้อนยุคไปกับบรรยากาศในร้านอยู่ไม่น้อย

ใครที่อยากสัมผัสสเวนเซ่นส์ในแบบกลิ่นอายย้อนยุค ลองไปเยือนที่สาขาท่ามหาราช แอบแนะนำว่าถ้ายิ่งจัดคอสตูมแนววินเทจไปอีกสักนิด ยิ่งเพิ่มความฟินในการนั่งทานไอศกรีม พร้อมบรรยากาศริมน้ำอย่างแน่นอน