เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศรายได้รวมไตรมาส1 ปี 2565 มีรายได้รวม 8,072 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,328 ล้านบาท สอดคล้องกับสถานการณ์ที่ฟื้นตัวพร้อมเดินหน้าเปิดโครงการเซ็นทรัล จันทบุรี 26 พ.ค. นี้

• เดินหน้าลงทุนขยายโครงการ Mixed-use สร้าง Big Impact ต่อเนื่อง ตั้งเป้าขยายโครงการครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัดภายใน 5 ปี (2022-2026) พร้อมเตรียมเปิด เซ็นทรัล จันทบุรี 26 พ.ค. นี้
• ชูวิสัยทัศน์ Imagining better futures for all สร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน มุ่งมั่นดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง

 

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย หรือ “CPN”รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี2565 มีรายได้รวม 8,072 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,328 ล้านบาท อีกทั้งสามารถรายงานการเติบโตในทุกๆ ธุรกิจภายใต้การบริหารงานของบริษัทฯ ที่สำคัญได้ประกาศแผนธุรกิจใน 5 ปี (2022-2026) ทุ่มงบ 120,000 ล้านบาท ลงทุนโครงการ Mixed-use Development ใหม่และพลิกโฉมโครงการเดิม ตั้งเป้าครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัด โดยมีธุรกิจศูนย์การค้าเป็นแกนหลักรวม 50 โครงการในรูปแบบฟอร์แมตใหม่ ตอบโจทย์เทรนด์ใหม่ ยกระดับไลฟ์สไตล์ให้ย่านต่างๆ และชุมชนทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าสู่ Top Developer เสริมธุรกิจศูนย์การค้าด้วยโครงการคุณภาพ ทั้งที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมใหม่ ตั้งเป้ายกระดับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คน ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ไตรมาสที่ 1 ปี 2565 สถานการณ์ต่างๆ เริ่มปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น อาทิ สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด19 ที่เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งสอดคล้องกับรายได้และกำไรจากการดำเนินธุรกิจที่ฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยในช่วงไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาอัตราการเช่าพื้นที่ให้อยู่ในระดับสูงได้อยู่ที่เฉลี่ย 91% ประกอบกับภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด19 และมีโครงการสนับสนุนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ โครงการคนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เราเที่ยวด้วยกันครั้งที่ 4 และโครงการ test & go ที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มธุรกิจในอนาคตยังคงมีความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่ชะลอลง ภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวสูงขึ้น  ดังนั้นบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนแผนให้สอดรับกับทุกสถานการณ์ บริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่าย และโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างที่ได้ดำเนินการมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,072 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,328 ล้านบาท ลดลง 15% และ39%  จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับแต่หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานหลักที่ไม่รวมรายการที่มิได้เกิดขึ้นเป็นประจำและผลกระทบจากมาตรฐานรายงานทางการเงิน บริษัทฯ มีรายได้และกำไรที่เติบโตขึ้น 23% และ 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น

สำหรับเหตุการณ์สำคัญในไตรมาสที่ 1 ปี2565 เซ็นทรัลพัฒนาได้ประกาศเดินหน้าวิสัยทัศน์ Imagining better futures for all สร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งภายใต้การนำของ CEO หญิงคนแรกของบริษัทฯ คุณวัลยา จิราธิวัฒน์ ชูกลยุทธ์สู่ความยั่งยืน ทั้งการ Synergy ผนึกกำลังทุกฝ่ายทั้ง คู่ค้า ชุมชน และธุรกิจมิกซ์ยูสภายใต้การบริหารของบริษัทฯ เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตและธุรกิจอย่างครบวงจร โดยมีศูนย์การค้าเป็นแกนหลัก พร้อมลงทุน 450 ล้านบาทในปีนี้ตั้งทีม Business & Digital Transformation เพื่อทรานฟอร์มธุรกิจสู่การเป็น  Omnichannel Platform เชื่อมโยงทุกธุรกิจใน ecosystem เข้าด้วยกัน แบบ B2B2C สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าในอนาคต นอกจากนี้ ยังสร้างมาตรฐานใหม่ของพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ดีในอนาคต โดยในทุกโครงการใหม่ของเซ็นทรัลพัฒนาจะต้องใส่ใจหัวใจสำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ Green & Energy และ Health & Wellnessเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนของทุกคน รวมทั้งมุ่งสู่องค์กรแห่งการสร้าง “โอกาส” พัฒนาคน พัฒนาเมืองและประเทศ และยกระดับวงการอสังหาฯ และรีเทลของไทยเทียบเท่าระดับโลก เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าร่วมกั

ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา บริหารจัดการศูนย์การค้า 36 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1.9 ล้านตารางเมตร  (อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ, ต่างจังหวัด 20 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ) ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ภายใต้กิจการร่วมค้า 1 แห่ง  และคอมมูนิตี้ มอลล์ 18 แห่ง นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 32 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 2 แห่ง โครงการที่พักอาศัยอีก 22 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT  VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) นินญา กัลปพฤกษ์ (บ้านแฝด) โครงการนิยาม บรมราชชนนี (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ “นีรติ” ที่เชียงราย บางนาและดอนเมือง และมีโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาได้แก่ เซ็นทรัล จันทบุรี มีกำหนดเปิดให้บริการ 26 พ.ค. 65 นี้ และโครงการใหม่ “เซ็นทรัล เวสต์วิลล์” (Central WestVille) เจาะทำเลราชพฤกษ์เชื่อมตรงสู่ Bangkok CBD กำหนดเปิด ไตรมาสที่ 4 / ปี 2566 นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big projectที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2566-2567 เป็นต้นไป

สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2565-2569) บริษัทฯ ได้มีการปรับแผนการลงทุน และแผนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้ว และยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินเพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนรวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น การเข้าซื้อกิจการ และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน