บมจ. โรงพยาบาลพระรามเก้า โชว์ผลงาน Q1/65 ทำนิวไฮ กวาดรายได้ 979 ล้านบาท กำไรสุทธิ โต 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 308% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ยอดผู้ป่วยใน-นอกเพิ่ม โรคซับซ้อน-ตรวจสุขภาพ-เลสิค- Covid หนุน พร้อมรับอานิสงน์ยกเลิก Test & Go เปิดทางต่างชาติเข้ารักษาในประเทศ รุกเจาะตลาดจีน อัพฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม ส่องไตรมาส 2/64 โตต่อ ผลักดันเป้ารายได้ทั้งปีโต 3,500 ล้านบาท ตามแผน
นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน)(PR9) ผู้ดำเนินธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนประเภทรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/65 บริษัทมีรายได้รวม 979.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 678.3 ล้านบาท จำนวน 300.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 44% และมีกำไรสุทธิ 157.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 38.5 ล้านบาท จำนวน 118.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 308%
ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไร มีปัจจัยสนับสนุนมาจาก Covid-19 และอัตราเข้าใช้บริการค่อนข้างสูง ทั้งกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) และกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) โดยเฉพาะการเข้ารับบริการศูนย์เลสิคที่มีแนวโน้มขยายตัวดี การผ่าตัดเต้านมเสริมความงาม รวมถึงรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่เริ่มเข้ามาในประเทศบางส่วน และจากการตรวจสุขภาพ หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มชะลอตัวลูกค้าทยอยกลับมาตรวจสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยไม่กังวลการเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลแล้ว
ส่วนแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/65 บริษัทมองว่าเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 เนื่องจากมีแนวโน้มปริมาณผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากกลุ่มผู้ป่วย OPD และ IPD โดยรายได้เฉลี่ยต่อการรักษาจากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD Revenue per admission) สะท้อนถึงศักยภาพและความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลในการรองรับการรักษาโรคซับซ้อนได้ดี ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ยังคงมีความจำเป็นและความต้องการการรักษาพยาบาลที่มีความซับซ้อนสูง
ขณะที่กรณีรัฐบาลยกเลิก Test & Go มีผลเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาในประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ดี จากก่อนหน้านี้คนไข้ไม่สามารถเดินทางเข้ามารักษาได้ ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเจาะตลาดลูกค้าจีน เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ซึ่งบริษัทได้ติดต่อกับหลายบริษัทที่มีลูกค้าเป็นชาวจีน ทำให้บริษัทเริ่มมีจำนวนลูกค้าดังกล่าว
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานต่อจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมที่เป็นผู้สูงอายุและโรคซับซ้อน รวมถึงขยายการบริการใหม่ๆ ที่หลากหลาย เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งการเสริมความงามและการดูแลสุขภาพ
ขณะเดียวกันเน้นการดูแลคนไข้ผ่าน Telemedicine โดยเตรียมขยายแพลตฟอร์มดูแลผู้สูงอายุเกี่ยวกับการดูแลเฉพาะทาง ที่เป็นโรคซับซ้อน มองว่ากลุ่มนี้จะเติบโตในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งเทรนด์การดูแลสุขภาพและการรักษาผู้ป่วยสูงอายุที่บ้านกำลังได้รับความนิยม
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดศูนย์ปอด เพื่อรักษาอาการ Long Covid โดยเฉพาะ หลังพบว่าอาการ Long Covid ที่เกิดขึ้นทำให้สภาพร่างกายผู้ป่วยไม่สามารถฟื้นฟูได้เต็มที่เหมือนโรคไข้หวัดทั่วไป ผ่านการดูแลด้วยทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด
และปัจจุบันบริษัทมีการศึกษาโปรเจ็กต์อื่นๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากการรักษาพยาบาล อาทิ กัญชา, วิตามินเสริม, การเปิดร้านขายยา และศึกษาเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) / Metaverse เพื่อมองหาโอกาสการลงทุนที่เหมาะสมและคุ้มค่า ซึ่งแผนงานดังกล่าวเชื่อมั่นว่าจะเป็นการสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
“แผนการดำเนินงานที่วางไว้ เชื่อมั่นว่าไตรมาส 2/64 จะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ส่งผลเป้าหมายรายได้ปี 65 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 3.5 พันล้านบาท ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ Covid เติบโต 15-20% และ Non-Covid มีสัดส่วน 80-85% ทั้งการผ่าตัดโรคซับซ้อน เลลิค และการตรวจสุขภาพ” นพ.เสถียร กล่าว