‘บมจ. เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล’ หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 ทำรายได้รวม 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% ระบุพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตเด่น หลังเร่งขยายสาขาเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่ลูกค้าท้องถิ่น และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรเต็นท์รถมือสองอย่างเหนียวแน่น หนุนพอร์ตขยายตัวได้ตามเป้า ขณะที่กำไรสุทธิ 67 ล้านบาท เติบโต 9% เหตุตั้งสำรองส่วนเพิ่ม (Management Overlay) เพื่อบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอน พร้อมมั่นใจในปีนี้ปี 65 เติบโตตามแผน ล่าสุดจับมือกับ เพาเวอร์บาย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เพิ่มช่องทางในการชำระค่าสินค้าในรูปแบบการผ่อน
นางสุธารทิพย์ พิสิฐบัณฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮงลิสซิ่ง แอนด์ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ HENG หนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 (มกราคม–มีนาคม) บริษัทฯ ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อเพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแก่ลูกค้าทุกพื้นที่ ทำให้ HENG ขยายพอร์ตสินเชื่อรวมเพิ่มเป็น 9,800 ล้านบาท หรือขยายตัว 7% หากเทียบ ณ สิ้นปี 2564 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยมาจากพอร์ตกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันยังขยายตัวได้ดี 7% โดยผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อรถมือสองเติบโต 5% คิดเป็น 5,763 ล้านบาท และพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเติบโตถึง 12% หรือคิดเป็น 3,280 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถให้เพิ่มขึ้น
ความสำเร็จดังกล่าวมาจากขีดความสามารถการแข่งขันในด้านการให้บริการสินเชื่อของ ‘เฮงลิสซิ่ง’ เพิ่มขึ้น หลังบริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายสาขาการให้บริการแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 88 สาขา ส่งผลให้ ณ ไตรมาสแรก มีสาขารวม 617 แห่ง และมีเครือข่ายพันธมิตรผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองได้ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัจจัยเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงทางธุรกิจ บริษัทฯ จึงตั้งสำรองลูกหนี้สินเชื่อส่วนเพิ่ม (Management Overlay) เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเครดิตที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน ทำให้มีกำไรสุทธิทำได้ 67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9%
ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2565 นั้น บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้รวมจะขยายตัวต่อเนื่องหลังพอร์ตสินเชื่อเติบโตตามแผน รวมถึงแผนขยายสาขาใหม่ ๆ จะครบ 638 สาขา ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งทำให้ความสามารถในการให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าครอบคลุมเป็นวงกว้างมากขึ้น และการนำเทคโนโลยีพิสูจน์ยืนยันตัวตน หรือ e-KYC ช่วยพิจารณาสินเชื่อที่เหมาะสม รวดเร็ว ด้วยต้นทุนให้บริการที่ลดลง จะเพิ่มศักยภาพการควบคุมและบริหารจัดการคุณภาพลูกหนี้ได้ดีขึ้น เพื่อรองรับแผนกลยุทธ์การขยายพอร์ตสินเชื่อผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรเพิ่มเติม ตลอดจนการให้ความสำคัญกับการจัดเก็บหนี้ให้มีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ไม่มีความสามารถผ่อนชำระ เพื่อปรับโครงสร้างทางการเงินโดยยืดหนี้หรือลดเงินผ่อนต่องวด จึงมั่นใจว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs จะปรับตัวลดลงเหลือ 3.1% ตามแผนที่วางไว้
ล่าสุด บริษัทฯ ได้จับมือกับ เพาเวอร์บาย ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใหญ่ที่สุด ครบ จบ ในที่เดียว เพิ่มช่องทางในการชำระค่าสินค้าในรูปแบบการผ่อน เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเน้นฐานลูกค้าในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันลูกค้าที่สนใจสามารถใช้บริการได้ที่ เพาเวอร์บาย 4 สาขา และ โก!เพาเวอร์ โดย เพาเวอร์บาย 7 สาขา รวมทั้งหมด 11 สาขา พร้อมมีแผนที่จะขยายพื้นที่การให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
Related