สิ้นสุดการรอคอย อมาโด้ปล่อยหมัดหนัก เดินหน้ารุกตลาดกัญชง ส่ง “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติออยล์” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดแคปซูล วางจำหน่ายรายแรกของไทย

บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เดินหน้ารุกตลาดกัญชงส่งสินค้าตัวใหม่ “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” (AmapraiCBD Plus Multi Oil) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชง ประเภทแคปซูลชนิดเม็ดวางจำหน่ายรายแรกในไทยแล้ววันนี้

จากความสำเร็จในการเปิดตัว แบรนด์ “อมาไพร” ที่ส่งผลิตภัณฑ์อมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)ประเดิมสินค้า SKU แรกของแบรนด์ออกสู่ตลาดรายแรกในประเทศไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจในตลาดสมุนไพรกัญชง เพื่อเพิ่มแนวทางและสร้างจุดแข็งของธุรกิจโดยอาศัยแนวคิด “ธรรมชาติโภชนา” มาเสริมความแข็งแกร่งของการเป็นผู้นำตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบมาจากธรรมชาติต่อยอดรับกระแสเปลี่ยนจากกัญชงให้พ้นยาเสพติดเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยึดตำแหน่งม้าเร็วส่งสินค้าตัวล่าสุด “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชง ผสมน้ำมันจมูกข้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก) ประเภทแคปซูลชนิดเม็ด วางจำหน่ายรายแรกของประเทศไทย

นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (amado) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำ เปิดเผยว่า “จากการเปิดตัวสินค้าอมาไพร น้ำมันเมล็ดกัญชง พลัส (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)เมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค และด้วยคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้เราจึงไม่รอช้าที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพรซึ่งวันนี้แบรนด์อมาไพร ได้ออกสินค้าตัวล่าสุด“อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์”(ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชงผสมน้ำมันจมูกข้าว น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอก) ที่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย วางจำหน่ายเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งนี้มีเป้าหมายทำการตลาดในกลุ่มคนรักสุขภาพและนิยมการดูแลตัวเองด้วยสมุนไพร ซึ่งตลาดกัญชงในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาลเนื่องจากเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณด้านการรักษาสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาดูแลและให้ความสำคัญกับดูแลสุขภาพมากขึ้นแบรนด์อมาไพรจะเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ที่ให้ธุรกิจสามารถเติบโตและเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคเมื่อพูดถึงสมุนไพรจะนึกถึงแบรนด์อมาไพรเป็นแบรนด์แรกและในอนาคตเราพร้อมที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ “ธรรมชาติโภชนา” พร้อมต่อยอดการเติบโตของบริษัทในอนาคต

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สาร CBD (Cannabidiol) และ THC (Tetrahydrocannabinol) จัดเป็นสารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ (Cannabinoids) ที่มีประโยชน์ทางการแพทย์สามารถพบในพืชสกุล Cannabis คือ กัญชา (Marijuana) และ กัญชง (Hemp) โดยสารสำคัญ THC และ CBD มีมากในส่วนของช่อดอก และสกัดได้จากช่อดอก ไม่ใช่น้ำมันหรือการสกัดจากเมล็ดกัญชงซึ่งขณะนี้สารสกัด CBD จากกัญชงไม่ได้จัดเป็นสารเสพติดอีกต่อไป แต่เป็นส่วนประกอบที่มีสรรพคุณในการรักษาและดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ เป็นสารที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Non-psychoactive) ไม่ทำให้มึนเมา โดยออกฤทธิ์เพื่อการคลายเครียด ปกป้องเซลล์ประสาท ต้านชัก แก้ปวด ต้านอาการอักเสบ ต้านฤทธิ์ต่อจิตประสาท ที่สำคัญ CBD ไม่ทำให้เกิดการดื้อหรือติด สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา อาหาร และเครื่องสำอาง

โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “อมาไพร ซีบีดี พลัส มัลติ ออยล์” (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากแคนนาบิไดออลจากกัญชงผสมน้ำมันจมูกข้าวน้ำมันมะพร้าวและน้ำมันมะกอก) จัดจำหน่ายผ่าน 3ช่องทางหลัก คือ 1.) ตัวแทนจำหน่ายอมาโด้ 2.) เทเลเซลล์ 3.) ช่องทางออนไลน์ของบริษัททั้งโซเชียลคอมเมิร์ซและอี-มาร์เก็ตเพลส โดย 1 กล่อง บรรจุ 20 แคปซูล ราคา 2,200 บาท และพร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทางตัวแทนจำหน่ายอมาโด้, Amado Shopping Call Center 1451 หรือทาง LineOA: @amaprai” นายธนาตรัยฉัตร กล่าวทิ้งท้าย

CBD ย่อมาจาก Cannabidiol คือสารสกัดอีกประเภทหนึ่งที่ได้จากต้นกัญชาหรือกัญชง เดิมทีต้นกัญชาหรือกัญชงที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันนั้น จัดเป็นสารเสพติดที่สามารถบรรเทาการเจ็บป่วยในบางโรคได้ แต่เนื่องจากสารสกัดตัวแรกที่นำมาใช้ก่อนหน้านี้คือ THC (Tetrahydrocannabinol) เป็นสารสกัดที่ส่งผลให้เกิดความเคลิบเคลิ้ม เมื่อใช้เป็นเวลานานจะมีผลต่อระบบประสาท ทำให้การใช้สารชนิดนี้ต้องอยู่ในความควบคุมดูแลของแพทย์อย่างระมัดระวัง ทว่าต่อมาเมื่อมีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น ได้มีการค้นพบ CBD ที่กลายเป็นความตื่นเต้นของวงการแพทย์ทั่วโลก เนื่องจากในกัญชาจะมี THC ประกอบอยู่ถึง 12% แต่มี CBD เพียงไม่ถึง 0.30% เท่านั้น อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้จัดให้สาร THC อยู่ในประเภทสารเสพติดประเภทที่ 1 คือ แม้จะมีประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่ก็มีโอกาสที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ ในขณะที่ CBD ไม่จัดเป็นสารเสพติด เพราะไม่มีผลกับระบบประสาทที่่ทำให้เกิดความเคลิบเคลิ้มเหมือน THC

CBD มีมากในส่วนของช่อดอก สกัดได้จากช่อดอกนำมาใช้ในการรักษาโรค โดยการค้น พบ CBD เป็นครั้งแรกของโลกนั้นเกิดขึ้นโดย ดร.ราฟาเอล เมคูลัม นักวิจัยชาวอิสราเอล โดยค้นพบว่า CBD สามารถนำไปรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบในร่างกาย ลดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจ และยังช่วยรักษาโรคหลอดเลือดและหัวใจ ภายหลังจากที่มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ที่สามารถรักษาด้วย CBD ทำให้พบว่าสารดังกล่าวมีสรรพคุณที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น

  • บรรเทาอาการเจ็บปวดเรื้อรังและลดอาการคลื่นไส้หลังการทำเคมีบำบัดจากโรคมะเร็ง
  • บรรเทาอาการลมบ้าหมู
  • บรรเทาอาการของโรค ALS หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • บรรเทาอาการพาร์กินสัน (อาการสั่น)
  • ลดปัญหาสิวและอาการผิวแห้ง
  • บรรเทาอาการซึมเศร้า
  • ลดอาการเบื่ออาหารและน้ำหนักลดในผู้ติดเชื้อ HIV
  • บรรเทาอาการโรคเบาหวาน
  • บรรเทาอาการทางจิตเภทต่าง ๆ
  • บรรเทาอาการลงแดงจากสารเสพติดอื่น ๆ
  • บรรเทาและป้องกันโรคหัวใจ

(ข้อมูลอ้างอิง  www.rama.mahidol.ac.th, www.krungsri.com)