ณ งาน Red Hat Summit 2022 เร้ดแฮท อิงค์ (Red Hat) ผู้ให้บริการโซลูชันโอเพ่นซอร์สระดับแนวหน้าของโลก ประกาศความก้าวหน้าใหม่ในพอร์ทโฟลิโอของ Red Hat Cloud Servicesโดยมอบประสบการณ์ผู้ใช้งานที่มีการจัดการพร้อมประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ ทำให้องค์กรสามารถสร้างปรับใช้จัดการและปรับขนาดคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชันในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด
สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดยังคงเป็นสาระสำคัญในการดำเนินงานขององค์กรส่วนใหญ่ จากรายงานของ IDC บริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมระบุว่า “ภายในปี 2567, องค์กร 50%จะใช้ แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นจากแนวคิดการให้บริการคลาวด์ รวมทั้งเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟ ช่วยให้เกิดความสอดคล้องในการทำงานจากทุกสถานที่ไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็ตาม”[1]จากการที่องค์กรต่าง ๆ ต้องพยายามอย่างหนักในการสร้างประสบการณ์เชิงนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้องค์กรจำเป็นต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริด เพื่อช่วยบรรเทาความซับซ้อนที่มาพร้อมกับความต้องการปรับขยายได้
Red Hat Cloud Services ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความซับซ้อนของไฮบริดคลาวด์ ขณะนี้องค์กร
ต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทาย เช่น การแพร่กระจายของแอปพลิเคชัน (application sprawl) และการรองรับแอปพลิเคชันที่อินเทอร์เฟซผู้ใช้และรหัสการเข้าถึงข้อมูลถูกรวมเอาไว้ในสภาพแวดล้อมและใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน (monolitic application support) ดังนั้น หากต้องการจะประสบความสำเร็จ องค์กรจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ลดเวลาการส่งมอบและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ด้วย
ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนความพยายามขององค์กรในการพัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ เร้ดแฮทจึงได้ประกาศถึงบริการด้านคลาวด์ใหม่ ๆ ดังต่อไปนี้
- Red Hat OpenShift Service Registry ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทีมพัฒนาเผยแพร่ ค้นหา ตลอดจนนำ application programming interfaces (APIs) และแบบแผนจำลองมาใช้ซ้ำ
- Red Hat OpenShift Connectors ที่ให้การเชื่อมต่อที่สร้างไว้ล่วงหน้าไปยังระบบต่าง ๆ ของบุคคลที่สาม และเปิดใช้การผสานการทำงานแบบไม่มีโค้ดกับ Red Hat OpenShift Streams สำหรับ Apache Kafka
- Red Hat OpenShift Database Access ที่มอบประสบการณ์การใช้ Database as a Service (DBaaS) ที่สอดคล้องกันในทุกสภาพแวดล้อมไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้ผู้ดูแลระบบOpenShiftสามารถจัดเตรียมและจัดการการเข้าถึงบริการฐานข้อมูลบุคคลที่สามได้อย่างง่ายดาย และทำให้นักพัฒนาสามารถจัดเตรียมและเข้าถึงฐานข้อมูลบนคลาวด์ได้ง่ายขึ้น
พอร์ตโฟลิโอ Red Hat Cloud Services ได้รับการผสานรวมอย่างแนบแน่นกับ Red Hat OpenShift ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Kubernetes ระดับองค์กรชั้นนำของอุตสาหกรรม เป็นพื้นฐานสำหรับการปรับปรุงแอปพลิเคชันที่มีอยู่ให้ทันสมัย, สร้างคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชัน, ให้การพัฒนาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนการเพิ่มความชาญฉลาดให้กับแอปพลิเคชัน และการผสานรวมกับบริการต่าง ๆ ของบริษัทอื่น ๆ
นอกจากนี้ เร้ดแฮทยังได้ประกาศการปรับปรุงบริการ Cloud Services ที่มีอยู่ ดังต่อไปนี้
- Red Hat OpenShift Data Science เป็นบริการระบบคลาวด์ที่มีการบริหารจัดการสำหรับนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและนักพัฒนา ซึ่งมีแซนด์บ็อกซ์ที่ได้รับการรองรับอย่างเต็มรูปแบบในการพัฒนา ฝึกฝนและทดสอบโมเดลแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้พร้อมให้บริการเป็นส่วนเสริมสำหรับ OpenShift Dedicated และ Red Hat OpenShift Service สำหรับลูกค้า AWS แล้ว นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการอัปเดตเพื่อปรับปรุงการรองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งรวมถึง PCI ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่อพ่วงภายในเครื่องกับระบบประมวลผลกลางของคอมพิวเตอร์ด้วยทั้งนี้ ลูกค้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชัน ISV ที่มีการบริหารจัดการจาก Starburst ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านข้อมูลชั้นนำได้ภายในปีนี้
- Red Hat OpenShift Streams for Apache Kafka เป็นบริการ Kafka ที่มีการบริหารจัดการและโฮสต์อย่างเต็มรูปแบบ รองรับการจัดการข้อมูลประจำตัวและการเข้าถึงอย่างละเอียด ตลอดจนการเข้าถึงตัวชี้วัดและการตรวจสอบแดชบอร์ด นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการรับรองต่าง ๆ ด้าน PCI เพื่อให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ดียิ่งขึ้น
- Red Hat OpenShift API Management ทำให้สามารถพัฒนาและปรับใช้แอปพลิเคชันที่เน้น API ได้อย่างรวดเร็วผ่านบริการที่โฮสต์และจัดการ OpenShift API Management ที่อยู่ใน Developer Sandbox for Red Hat OpenShift สำหรับการทดลองใช้งาน นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มการอัปเดตเพื่อปรับปรุงการรองรับความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด รวมถึงการรับรอง PCI, ISO และ SOC2 ตลอดจนการพรีวิวของผู้ออกแบบ API อีกด้วย
องค์กรชั้นนำ เช่น BITMARCK, Boston University และ electrical training ALLIANCE ใช้ประโยชน์จากบริการคลาวด์ของเร้ดแฮทในการออกแบบ, ปรับใช้, บริหารจัดการ และปรับขนาดคลาวด์เนทีฟแอปพลิเคชัน บริการเหล่านี้ทำให้ความรับผิดชอบในการปฏิบัติงานและการรองรับเปลี่ยนไปยังเร้ดแฮทที่โฮสต์และให้การบริหารจัดการคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ ๆ และมุ่งเน้นไปที่การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเต็มที่
เนื่องจากความต้องการด้านไอทีและธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เร้ดแฮทจึงได้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโซลูชันต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยบริษัทต่าง ๆ ที่พยายามปรับปรุงการพัฒนาและส่งมอบแอปพลิเคชันให้ทันสมัยมากขึ้น
[1]Source: IDC FutureScape: Worldwide Cloud 2022 Predictions, Oct. 2021, Doc # US47241821