เอ.เอส. วัตสัน กลุ่มร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงามที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก สานต่อความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) หรือภาวะโลกร้อน ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทได้บรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (greenhouse gas – GHG) แล้วภายในสิ้นปี 2564 และขณะนี้ได้ประกาศเป้าหมายใหม่เพิ่มเติมเพื่อเป็นการเร่งการมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวต่อไป
ในปี 2562 เอ.เอส. วัตสัน ได้ประกาศเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน Scope ที่ 1 และ 2 ลง 40% ภายในปี 2573 จากระดับพื้นฐานในปี 2558 โดยผลการทำงานในปัจจุบันได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวเร็วกว่ากำหนดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสามารถบรรลุเป้าหมายถึง 42% เมื่อสิ้นปี 2564 ด้วยความสำเร็จนี้ เอ.เอส. วัตสัน จึงเดินหน้าประกาศเป้าหมายใหม่เพื่อลดการปล่อยมลพิษ โดยเป้าหมายมีดังนี้:
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในScope ที่ 1 และ 2 ลง 50% ภายในปี 2573 เทียบจากปี 2561
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในScope ที่ 3 ซึ่งเกิดจากสินค้า บริการ รวมถึงการขนส่งและการกระจายสินค้าต่างๆ โดยมีเป้าเหมายลดลง 58% ต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจที่คิดเป็นเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้น ภายในปี 2573 เทียบจากปี 2561
- ให้คำมั่นสัญญาว่า33% ของคู่ค้าของเราด้านสินค้า บริการ การขนส่งและการกระจายสินค้า จะมีการกำหนดเป้าหมายด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการวัดผลที่ชัดเจน (science-based targets – SBTs) ภายในปี 2570
คุณมาลิน่า ไหง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป และประธานกรรมการบริหารเอ.เอส. วัตสัน (เอเชียและยุโรป) กล่าวว่า “ที่ เอ.เอส. วัตสัน เราตั้งเป้าที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลูกค้าและโลกใบนี้ของเราจากวันนี้สู่วันพรุ่งนี้และในทุกๆ วัน การบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนเป็นเหมือนกับการวิ่งข้ามอุปสรรค ซึ่งต้องใช้ความมุ่งมั่นและความอุตสาหะในการก้าวข้าม เราไม่สามารถทำเองคนเดียวได้ หากแต่ต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ผลิตและลูกค้าของเราเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ร่วมกัน”
“เป้าหมายใหม่เหล่านี้เพื่อการลดการปล่อยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ยังเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นและความพยายามอย่างต่อเนื่องของเราด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างโลกใบเดิมให้ดีขึ้นสำหรับทุกคน” คุณไหง ยังกล่าวเสริมอีกว่า “นอกจากการดำเนินงานต่างๆ ของเราในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อนแล้ว เรายังมุ่งมั่นสานต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – UNSDGs) ซึ่งขยายความครอบคลุมของเราเป็น 15 เป้าหมาย จากทั้งหมด 17 เป้าหมาย ซึ่งรวมถึงการใช้พลังงานสะอาดและกิจกรรมต่างๆ เพื่อปรับปรุงสภาพภูมิอากาศ อีกด้วย”
เริ่มด้วยร้านค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Greener Stores)
เอ. เอส. วัตสัน เข้าใจดีว่า ทุกอย่างเริ่มต้นจากร้านค้า กรอบแนวคิด ‘Greener Stores Global Framework’ ที่เปิดตัวไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เป็นความพยายามสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการค้าปลีก สู่การเป็นร้านค้าที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง โดยหวังที่จะยกระดับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมของโลกให้มีความยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
เนื่องจากในปี 2564 พบว่า 74% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของบริษัท เกิดจากการใช้ไฟฟ้า ดังนั้น การสร้างโครงข่ายไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพจึงกลายมาเป็นภารกิจลำดับต้นๆ ที่ เอ. เอส. วัตสัน ให้ความสำคัญ โดยจุดประสงค์หลักสองประการของกรอบแนวคิด ‘Greener Stores Global Framework’ ก็คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนภารกิจนี้ จึงได้มีการจัดตั้งโครงการจัดการพลังงานระดับโลกขึ้น ตั้งแต่ในปี 2014 เพื่อศึกษาความคิดริเริ่มต่างๆ ในการประหยัดพลังงานในระดับท้องถิ่น
การสนับสนุนการเติบโตของพลังงานสีเขียวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยที่ผ่านมา เอ. เอส. วัตสัน ประสบความสำเร็จในการผลิตไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ให้กับธุรกิจต่างๆ ของตัวเองใน 3 ตลาดใหญ่ทั่วทวีปยุโรป ประกอบด้วย Superdrug, Savers, The Perfume Shop, Kruidvat, Trekpleister และ ICI PARIS XL ในสหราชอาณาจักร เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ โดยในปัจจุบัน ไฟฟ้าหมุนเวียนคิดเป็น 86% ของผลงานในระดับทวีปยุโรปของ เอ. เอส. วัตสัน
Go Green ร่วมรักษ์โลกไปกับลูกค้าของเรา
เอ. เอส. วัตสัน จัดเป็นธุรกิจระดับแถวหน้าที่สร้างแรงบันดาลและให้การส่งเสริมวัฒนธรรมด้านความยั่งยืนในกลุ่มลูกค้ามาโดยตลอด โดยในการดำเนินงานในแต่ละวัน บริษัทได้สนับสนุนให้ลูกค้าเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืนและมีไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และด้วยแนวคิดใหม่ ‘The New Beautiful’ เอ. เอส. วัตสัน ยังเชื่อว่า ความงามรูปแบบใหม่นั้นส่องประกายออกมาจากภายใน โดยผ่านทัศนคติของผู้คนในการปฏิบัติต่อทั้งตนเอง ผู้อื่น และโลกใบนี้
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันสิ่งแวดล้อมโลก วัตสันยังวางแผนที่จะเปิดตัวศูนย์โลกเสมือนจริงเพื่อความยั่งยืน หรือ ‘Sustainability VR Hub’ แห่งแรกในตลาดต่างๆ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวัน ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และตุรกี ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้กับลูกค้าในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพื่อที่จะนำมาสู่การพัฒนาโลกให้มีความยั่งยืนมากขึ้น โดยจะมอบประสบการณ์เสมือนจริง (Virtual Reality – VR) ที่มีความสนุกตื่นเต้นให้กับลูกค้า เพื่อช่วยให้พวกเขาได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาสามารถช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมและต่อสู้กับภาวะโลกร้อนได้
คุณไหง กล่าวสรุปว่า “อนาคตคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงาม เราจึงต้องการเป็นผู้นำโดยเป็นแบบอย่างในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีส่วนร่วมและให้ความรู้แก่ลูกค้าของเรา ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจให้คู่ค้าทางธุรกิจต่างๆ ในการร่วมสร้างโลกนี้ให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยเรายังเชื่อว่า ทุกย่างก้าวที่เราทำอยู่ขณะนี้ จะสร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งใหญ่ให้กับสังคมและโลกของเราต่อไปในอนาคต”
เอ. เอส. วัตสัน ยังได้จัดทำและเผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปี 2564 ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามและความสำเร็จด้านความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดำเนินการสร้างร้านค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างวัฒนธรรมเพื่อความยั่งยืนทั้งภายในและภายนอกองค์กรอีกด้วย และในปัจจุบัน เนื่องจากเราต่างกำลังใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่กันอยู่ หรือที่เรียกกันว่า ‘New Normal’ รายงานฉบับนี้ยังได้เปิดเผยเรื่องราวและความพยายามของ เอ. เอส. วัตสัน ในการต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เพื่อคืนรอยยิ้มให้กับลูกค้าของเราทั้งในวันนี้และตลอดไป อีกด้วย
หากท่านต้องการเข้าถึงรายงานความยั่งยืนฉบับล่าสุด สามารถคลิกได้จากลิงก์นี้: https://bit.ly/ASW2021SR