JWD ยกระดับเป็น “ผู้นำคลังสินค้าโรโบติกส์” รุกนำเทคโนโลยี AI และนวัตกรรมปรับใช้ เพิ่มศักยภาพสู่ Smart Warehouse

บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หรือ JWD ก้าวสู่ผู้นำคลังสินค้าโรโบติกส์ หลังรุกขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เตรียมเปิดบริการคลังสินค้าห้องเย็นโรโบติกส์อีก อาคารในครึ่งปีหลังนี้ หลังจากเพิ่งเปิดตัวคลังโรโบติกส์สำหรับจัดเก็บเอกสาร DataSafe แห่งแรกในประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถจัดเก็บสินค้า เพิ่มความรวดเร็วแม่นยำ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า แก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน วางแผนนำเทคโนโลยี AI และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการต่างๆ เพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ Smart Warehouse

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทฯ มุ่งยกระดับธุรกิจให้บริการคลังสินค้าสู่การเป็น “ผู้นำคลังสินค้าโรโบติกส์” โดยหลังจากได้นำเทคโนโลยีโรโบติกส์เข้ามาใช้กับคลังสินค้าห้องเย็นในจังหวัดสมุทรสาครเป็นครั้งแรกในปี 2562 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถจัดเก็บสินค้า แก้ไขปัญหาแรงงานขาดแคลน เพิ่มความรวดเร็ว แม่นยำ ปลอดภัย ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนคลังสินค้าโรโบติกส์อย่างต่อเนื่อง ทั้งในกลุ่มคลังสินค้าห้องเย็นและขยายไปยังคลังจัดเก็บเอกสาร DataSafe ภายใต้เครือ JWD Group

ปัจจุบัน JWD มีคลังสินค้าห้องเย็นโรโบติกส์ที่เปิดให้บริการแล้ว อาคาร คิดเป็นพื้นที่จัดเก็บสินค้ารวม 21,000  ตารางเมตร หรือ 46,000 พาเล็ต และกำลังดำเนินการก่อสร้างอีก อาคาร ในจังหวัดสระบุรี สมุทรสาครและย่านบางนา คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในไตรมาส และ ของปีนี้ ซึ่งทั้ง แห่งจะเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้ารวมอีก  17,000 ตารางเมตร หรือ 40,000 พาเล็ต รวมเป็น 38,000 ตารางเมตร หรือ 86,000 พาเล็ต นอกจากนี้ยังมีคลังสินค้าจัดเก็บเอกสารโรโบติกส์ที่เปิดให้บริการแล้วอีก อาคาร ในย่านสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่จัดเก็บเอกสารเกือบ 5,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 745,000 กล่อง ซึ่ง JWD นับเป็นผู้ประกอบการรายแรกในประเทศไทยที่ให้บริการคลังสินค้าจัดเก็บเอกสารโรโบติกส์

“หากพิจารณาจากพื้นที่ให้บริการจัดเก็บสินค้า น่าจะถือได้ว่า JWD เป็นผู้นำการให้บริการคลังสินค้าโรโบติกส์ โดยเราต้องการเพิ่มศักยภาพการจัดเก็บสินค้า แก้ไขปัญหาแรงงานขาดแคลน ลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถโฟล์คลิฟต์ จึงนำเทคโนโลยีโรโบติกส์ที่ควบคุมสั่งการด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้รับการออกแบบและพัฒนาร่วมกับซัพพลายเออร์มาปรับใช้ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดเก็บได้มากกว่าคลังสินค้าแบบเดิมและตอบสนองลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น” นายชวนินทร์ กล่าว

ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า คลังสินค้าโรโบติกส์ใช้ะบบจัดก็บสินค้าแบบอัตโนมัติหรือ Automated Storage Retrieval System (ASRS) โดยมีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนรางเพื่อนำสินค้าไปยังเครนและยกขึ้นไปจัดเก็บยังชั้นวาง ซึ่งมีจุดเด่นหลายด้าน ได้แก่ (1) เพิ่มขีดความสามารถการจัดเก็บสินค้าได้สูงสุดถึง 16 ชั้น หรือประมาณ เท่า จากเดิมที่จัดเก็บได้ 5-7 ชั้น ทำให้ประหยัดต้นทุนด้านที่ดิน และสามารถปฏิบัติงานในห้องเย็นที่มีอุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียสได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีข้อจำกัดเมื่อเทียบกับการใช้แรงงานคน รวมถึงใช้ระบบเซ็นเซอร์ในการนำทางโดยไม่ต้องใช้แสงสว่างมาก (2) มีความรวดเร็วและแม่นยำ โดยใช้ระยะเวลาจัดเก็บและหยิบสินค้าไม่เกิน นาทีต่อ แร็ก (Rack) หรือ พาเล็ต (Pallet) จากเดิมใช้ระยะเวลา 10 นาทีสำหรับระบบโมบายพาเล็ต (Mobile Pallet) และใช้ระยะเวลา 30 นาทีสำหรับระบบชั้นวางแบบดั้งเดิม (3) ใช้แรงงานลดลงจาก 5-15 คนต่ออาคาร เหลือเพียง 1-2 คนต่ออาคาร เนื่องจากไม่ต้องใช้แรงงานขับรถโฟล์คลิฟต์ (4) ลดพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากไม่ต้องมีรถโฟล์คลิฟต์วิ่งเข้าออกอาคารและลดการใช้แสงสว่างในอาคาร

บริษัทฯ มีแผนพัฒนาคลังสินค้าโรโบติกส์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพเป็น Smart Warehouse (คลังสินค้าอัจฉริยะ) โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอื่น ๆ เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการทำงานอื่นนอกจากการจัดเก็บสินค้า ปัจจุบันได้เริ่มทดลองเชื่อมต่อเทคโนโลยี AI เข้ากับกล้องเพื่อจับภาพสินค้าอาหารทะเลบนสายพานลำเลียงเพื่อทำการคัดแยกสายพันธุ์ปลาแทนการใช้แรงงานคัดแยก โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาระบบกล้องให้รองรับการเชื่อมต่อกับกิจกรรมดังกล่าวและดำเนินการขอจดอนุสิทธิบัตรจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงนำระบบแชตบอท (Chat Bot) เข้ามาปรับใช้เป็นพี่เลี้ยงฝึกอบรมพนักงาน ติดตามพนักงานใหม่ที่เข้าทำงาน และต่อยอดสู่การพัฒนาข้อมูลด้านอื่น ๆ

นอกจากนี้ ได้นำเทคโนโลยีโรโบติกส์มาใช้กับกระบวนการทำงานอื่น ๆ ภายในคลังสินค้าห้องเย็น เช่น การจัดเรียงสินค้าบนรถเข็นก่อนนำเข้าห้องฟรีซที่มีอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส เป็นต้น รวมถึงนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับคลังสินค้าห้องเย็น Fulfillment ในย่านบางนา ที่มีบริการจัดเก็บ แพ็ก ส่ง อย่างครบวงจรแก่ลูกค้า ที่เตรียมเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปีนี้ มีพื้นที่จัดเก็บสินค้า 2,000 ตารางเมตร ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการและสร้างความแตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ในตลาด 

นอกจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและลดต้นทุน JWD ให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น การติดตั้งแผงโซลาร์ รูฟท็อปบนหลังคาอาคารคลังสินค้ากระบวนการบำบัดน้ำเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่, การนำรถโฟล์คลิฟท์ระบบไฟฟ้าเข้ามาใช้ รวมทั้งพยายามมุ่งผลักดันการขนส่งแบบต่อเนื่องหลายรูปแบบทั้งทางบก ราง และเรือเพื่อสนับสนุนแนวคิดเกี่ยวกับกรีนโลจิสติกส์