เอ.เอส. วัตสัน อัดฉีดเงินลงทุน 115 ล้านดอลลาร์ พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อมอบประสบการณ์การชอปปิ้งแบบ O+O ที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

ในปี 2565 นี้ เอ.เอส. วัตสัน กลุ่มร้านค้าปลีกเพื่อสุขภาพและความงามที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก เดินหน้าทุ่มเม็ดเงินจำนวน 115 ล้านดอลลาร์ พัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์ O+O โดยประเด็นสำคัญด้านเทคโนโลยีที่มุ่งเน้น ได้แก่ การเพิ่มทรัพยากรให้ภายในองค์กร “eLab” และ “TECHLab”  รวมถึงสร้างการเรียนรู้ด้านข้อมูล (Machine Learning) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ข้อมูล (Big Data) และการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการค้าปลีกอื่นๆ

คุณมาลิน่า ไหง ประธานกลุ่มเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และประธานกรรมการบริหารของ เอ.เอส. วัตสัน กรุ๊ป (เอเชียและยุโรป) กล่าวว่า “สำหรับเราแล้ว เทคโนโลยีมีความสำคัญมาก ในการที่จะมอบประสบการณ์การชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อที่เชื่อมประสานทั้งรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน (O+O) โดยเรายังมีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อน พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ของการค้าปลีกให้กับลูกค้าของราตลอดจนเรายังให้ความสำคัญในเรื่องการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นระบบหลังบ้านเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆ”

“ที่สำคัญ เรายังตระหนักดีว่า สิ่งที่มีความสำคัญอย่างแท้จริงในการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัล ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุนในเทคโนโลยี หรือการติดตั้งอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ในร้านค้า แต่เป็นการปฏิวัติตัวเราเอง ทั้งในเรื่องวัฒนธรรมองค์กร วิธีคิด วิธีการทำงาน ตลอดจนวิธีการสื่อสารและให้บริการกับลูกค้า”

eLab สร้างสรรค์ประสบการณ์ O+O เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องของลูกค้า

หลังจากสถานการณ์โรคระบาดตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมการจับจ่ายของลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างมาก โดย “eLab” ซึ่งป็นหน่วยงานพัฒนาดิจิทัลภายในองค์กรของ เอ.เอส. วัตสัน ในฮ่องกงและมิลาน ถูกมอบหมายให้เป็นผู้ขับเคลื่อนหลักในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ O+O ที่ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าวัตสันทั่วโลก

TECHLab ยกระดับเทคโนโลยีใหม่ๆ ภายในร้าน

เมื่อเร็วๆ นี้ TECHLab ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาเทคโนโลยี ภายใต้การดำเนินงานของ เอ.เอส. วัตสัน ได้มีการขยายศูนย์เพิ่มขึ้น โดยครั้งนี้ได้ขยายไปยังเมืองเซินเจิ้น ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อทำงานควบคู่ไปการทำงานของศูนย์ TECHLab ที่มีอยู่แล้วในเนเธอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาและทดสอบนวัตกรรมใหม่ๆ ก่อนเปิดตัวสู่กลุ่มธุรกิจต่างๆ ของ เอ.เอส. วัตสัน  ทั่วโลก โดยศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีแห่งใหม่นี้ จัดแสดงผลงานด้านเทคโนโลยีการชอปปิ้งล่าสุดต่างๆ ได้แก่ ร้านค้าไร้พนักงาน  ชั้นวางสินค้าอัจฉริยะ ตู้จำหน่ายอัจฉริยะ  เกมส์ (interactive games) ตลอดจนระบบจดจำใบหน้เมื่อลูกค้าเข้าร้าน และระบบชำระเงินแบบไร้รอยต่อ

ทุ่มความสำคัญในการลงทุนด้านเทคโนโลยี

ความสำคัญ 3 อันดับแรก ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค วัตสัน ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค 3 อันดับแรก ดังนี้

  1. นวัตกรรมO+Oที่ทันสมัย เพื่อยกระดับประสบการณ์การชอปปิ้งสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม
  2. ประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล (Personalisation)โดยนำปัญญาประดิษฐ์ (AI)มาพัฒนาและประยุกต์ใช้
  3. เทคโนโลยีต่างๆ ภายในร้าน เช่น ระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล และชั้นวางสินค้าอัจฉริยะ

ความสำคัญ 3 อันดับแรก ในการลงทุนด้านเทคโนโลยีภายในองค์กร (Backend technologies)
นอกจากเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภคแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในเทคโนโลยีภายในองค์กรใน 3 ด้าน ดังนี้

  1. การจัดการข้อมูล (Big Data)
  2. ความปลอดภัยด้านไซเบอร์
  3. การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบจัดการโปรโมชัน

คุณไหง กล่าวสรุปว่า “ปัจจบัน ธุรกิจค้าปลีกมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สิ่งต่างๆ ที่เคยใช้เวลากว่าทศวรรษในการพัฒนาในอดีต สามารถเกิดขึ้นได้ภายในสองปี ในการรักษาตำแหน่งผู้นำ เราต้องแข่งขันกับเวลาในทุกๆ วัน ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องสร้างรูปแบบการทำงานที่มีความรวดเร็ว (agility) ให้กับองค์กร รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรด้วยการสื่อสารข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud-based dashboard) เพื่อช่วยให้การตัดสินใจต่างๆ ให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น ท้ายที่สุด เอ.เอส. วัตสัน ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์หลัก O+O และใช้เทคโนโลยีในการสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจของเราต่อไปในอนาคต”