KBTG เปิดประตูสู่ยุคทองแห่ง Human First, Universe of Technology สร้างสรรค์อนาคตแห่งการเงินเพื่อสร้างประโยชน์และเพิ่มอำนาจให้กับสังคม ด้วยการเสริมกำลังขับเคลื่อนทั้งในเชิงบุคลากร เทคโนโลยี และยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมด้วย KBTG Labs พร้อมขยายโครงสร้างระบบเตรียมรับมือปริมาณธุรกรรมธุรกิจธนาคารทั่วภูมิภาค AEC+3 มุ่งครองความเป็นองค์กรเทคโนโลยีแนวหน้าของไทยต่อเนื่อง และเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในปี 2568
นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันระหว่างที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แวดวงเทคโนโลยีและ Fintech ยังคงแข็งแกร่ง เห็นได้จากการเติบโตของเม็ดเงินลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงมีแนวโน้มที่ดี โดย KBTG มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านตัวเลขผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้นำ อาทิ K PLUS ที่มียอดผู้ใช้งานเกิน 18.6 ล้านราย ขุนทองที่มีสมาชิกมากกว่า 850,000 คน MAKE by KBank ที่มียอดผู้ใช้งานกว่า 400,000 ราย และการเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมบริการใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเปิดตัว Kubix ที่ให้บริการ ICO Portal ระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่ประสบความสำเร็จในการจัดจำหน่าย DESTINY TOKEN และ Coral แพลตฟอร์มจำหน่าย NFT ชั้นนำของไทยที่พัฒนาขึ้นโดย KASIKORN X
จากนี้ KBTG จะก้าวไปอีกขั้นในการเป็นส่วนสำคัญของการสร้างยุคใหม่ ที่เรียกว่า Human First, Universe of Technology โดยใช้ความเชี่ยวชาญและความคิดสร้างสรรค์ของชาว KBTG ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบต่าง ๆ เพื่อส่งมอบอำนาจให้กับผู้ใช้งาน พันธมิตร และสังคม ในฐานะองค์กรเทคโนโลยีแนวหน้าของไทย KBTG ต้องการสร้างความพร้อมและขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับลูกค้าที่ต้องการบริการธนาคารมาตรฐานในแบบที่คุ้นเคย ไปพร้อมกับการตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ ในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดย KBTG มุ่งมั่นเดินหน้าไปสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงด้วยความพร้อม 3 ด้าน ดังนี้
1.การพัฒนาบุคลากร ด้วยการจัดกิจกรรมให้ความรู้เพื่ออัพสกิลบุคลากรในวงการไอทีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดรับพนักงานที่มีทักษะความสามารถทั้งด้าน Dev, Data, Design รวมถึงสาย DeFi, Blockchain เพื่อบุกเบิกบริการใหม่ คาดว่าภายในสิ้นปี 2565 ทาง KBTG จะรับพนักงานใหม่ในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมกว่า 700 คน เพื่อช่วยสร้างการเติบโตไปด้วยกัน
2.การพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี ด้วยการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้สอดคล้องกับเทรนด์การใช้งานทั้งโลกบริการทางการเงินปัจจุบันและโลกอนาคต ด้วยงบประมาณการลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาท ในขณะเดียวกัน KX Endless Capital กองทุนที่จัดตั้งโดย KASIKORN X กำลังจะมีแผนการเปิดตัวการลงทุนแรกในโลกของ DeFi, Web3 และ Blockchain เร็วๆ นี้
3.การยกระดับขีดความสามารถทางนวัตกรรม ด้วยการเผยโฉม KBTG Labs หน่วยงานที่รวมพลคนที่มีความรู้ด้านธุรกิจและผลิตภัณฑ์ การออกแบบ UX/UI และการทำวิจัยทางด้านเทคโนโลยี พร้อมช่วยกันคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินเพื่อสร้างประโยชน์และเพิ่มอำนาจให้กับสังคม ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Innovation Runway ประกอบเข้ากับความเชี่ยวชาญทางด้าน Deep Tech Research ที่ช่วยให้ KBTG Labs สามารถผลิตนวัตกรรมให้ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและไร้ขีดจำกัด
ตัวอย่าง 2 เทคโนโลยีใหม่ที่ผลิตจาก KBTG Labs ได้แก่ Smart Checkout เทคโนโลยีที่ให้การคิดเงินโดยไม่ต้องสแกนบาร์โค้ด แค่วาง-จ่าย-จาก (Place–Check–Go) และ Smart Retail เทคโนโลยีจำลองประสบการณ์ลองสินค้าแบบออนไลน์ พร้อมผู้ช่วยสเมือนจริง Virtual Assistance ที่สามารถพูดคุยให้ความช่วยเหลือได้ โดยในฝั่งของการทำงานวิจัย KBTG ก็ได้มีการจับมือกับทั้งมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในไทย และร่วมมือกับทาง MIT Media Lab พันธมิตรระดับโลก
นางวรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจหลักของ KBTG คือ การสนับสนุนธนาคารกสิกรไทย เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นธนาคารที่ดีที่สุด รวมทั้งบทบาทในการการพัฒนา Solution ร่วมกับพันธมิตรใน Ecosystem ต่าง ๆ ดังนั้น KBTG จึงต้องเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อพร้อมรับมือกับเทคโนโลยี พฤติกรรมลูกค้า และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อเดินหน้าสนับสนุนธุรกิจธนาคารยุคใหม่ไปสู่ภูมิภาค AEC+3 โดย KBTG มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและปรับการทำงาน ดังนี้
ขยายระบบเพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาระบบเพื่อรองรับปริมาณธุรกรรมจากฐานลูกค้าในไทยกว่า 21 ล้านรายของธนาคารกสิกรไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน และธุรกรรมที่จะเพิ่มขึ้นจากธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง เช่น บริการ Digital Lending เพื่อให้บริการธนาคารดำเนินไปได้อย่างไม่สะดุด นอกจากนี้ KBTG จะพัฒนาศักยภาพระบบแอปพลิเคชัน K PLUS รองรับการขยายธุรกิจธนาคารสู่ระดับภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะมียอดผู้ใช้งานถึง 40 ล้านราย ในปี 2570
ขยายทีมงานเพื่อรองรับธุรกิจธนาคารในภูมิภาค โดยขณะนี้ทาง KBTG มีการสนับสนุนงานระบบไอทีของธนาคาร ในส่วนของ Core Banking, Product (ATM, eWallet, Internet Banking), Infrastructure, IT Security ในพื้นที่เครือข่ายธุรกิจธนาคารต่าง ๆ ได้แก่ จีน ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม ฮ่องกง และ อินโดนีเซีย พร้อมกับการตั้งบริษัทเทคโนโลยีใน 2 ประเทศ ได้แก่ K–TECH ในจีน ที่มีบทบาทสำคัญในการขยายขีดความสามารถทางด้านไอที และ KBTG Vietnam ที่เวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาแอป K+ Vietnam โดยตั้งเป้ารับพนักงานที่เวียดนาม 200 คนภายในปี 2565
กำหนดรูปแบบการดำเนินงานแบบใหม่ (New Operating Model) เป็น OneKBTG Operating Model คือส่งเสริมให้มีการประสานงานกันมากขึ้นภายในองค์กร ประกอบกับการวาง Roadmap ทำแอปพลิเคชันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของ Traditional Banking ธุรกิจ Regional Bank บริการ Banking as a Service (BaaS) และการทำโซลูชันร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบสนองธุรกิจธนาคารในระดับภูมิภาค
นายเรืองโรจน์ กล่าวตอนท้ายว่า KBTG จะเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีบริการที่จะตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในรูปแบบบริการที่คุ้นเคยให้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้างสรรค์บริการเพื่อโลกการเงินการลงทุนยุคใหม่ พร้อมรองรับการผู้ใช้งานในไทยและทั่วภูมิภาค AEC+3 และด้วยความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี และศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ควบคู่กับโมเดลการทำงานใหม่ที่พร้อมตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และธุรกิจ S–Curve ใหม่ๆ จาก KASIKORN X ที่ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถวางใจได้ KBTG เชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ภายในปี พ.ศ. 2568
Related