“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้”เผยบอร์ดอนุมัติ “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” บริษัทในเครือซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แก่ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจรเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจ่อเสนอขายหุ้น IPO หวังเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ ขยายโอกาสการในการลงทุนขยายกิจการ และเดินหน้าลงทุนและพัฒนาในเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยด้านบริการ ตอบโจทย์ทุกความสะดวกสบายของชีวิต เผยรายได้-กำไรปี 64 โตแกร่ง
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่5/2565เมื่อวันที่7กรกฎาคม ได้มีมติอนุมัติแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัทพรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 100ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนํา PRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (แผนการSpin-Off) โดยได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ PRI ต่อประชาชนทั่วไปดังกล่าวส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ใน PRI ลดลง จากเดิมร้อยละ 100 เป็นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75 ของทุนชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ภายใต้สมมติฐานว่ามีการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน) โดย PRI จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเช่นเดิมต่อไป
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า การอนุมัติแผนการ Spin-off ของ PRI ในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินงานตามแผนงาน Origin Multiverse ที่มุ่งให้บริษัทต่างๆ ในเครือ มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ สามารถแยกออกไปมีเส้นทางการเติบโตในจักรวาลของตัวเอง พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ดำเนินธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แก่ลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร ครอบคลุมการให้บริการในหลากหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มธุรกิจที่ปรึกษาและออกแบบทางวิศวกรรม กลุ่มธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจบริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2564 มีรายได้ และกำไรสุทธิอยู่ที่ 489.56 ล้านบาท และ 111.25 ล้านบาท ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งอยู่ที่ 266.51 ล้านบาท และ 40.05 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริการภายใต้บริษัทในเครือของ PRI นับเป็นบริการที่ครอบคลุมตลาดทั้งกลุ่ม B2B และกลุ่ม B2C ตอบโจทย์ทุกจังหวะของการใช้ชีวิต มีบริการลักษณะ One-stop service ที่เข้าถึงและเข้าใจความต้องการเชิงลึก (Insight) ของผู้บริโภค บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตผ่านการระดมทุน เพิ่มโอกาสของ PRI ในการลงทุนขยายกิจการซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้กิจการเติบโตหรือขยายตัวได้อย่างรวดเร็วเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขยายธุรกิจในเชิงรุกเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่เป็นไปตามปกติของธุรกิจ (Organic Growth) และการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Inorganic Growth) รวมถึงเดินหน้าในการลงทุนและพัฒนาในเทคโนโลยีที่สามารถเข้ามาช่วยด้านบริการซึ่งจะเป็นอนาคตของการบริการและการใช้ชีวิตยุคใหม่
“แผนการ Spin-Off เพื่อนำ PRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของพรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม สำหรับต่อยอดวิสัยทัศน์ Total Life Service Solutionเอื้อต่อการแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งผลักดันผลประกอบการของบริษัท ให้มีแนวโน้มที่ดีและสร้างความมั่นคงในระยะยาว” นายพีระพงศ์ กล่าว
ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการเข้าทำรายการ
ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นของ ORI
(ก) เพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน โดยสามารถเลือกลงทุนในบริษัทฯ และ/หรือ PRI ได้ตามนโยบายการลงทุนของนักลงทุนแต่ละราย
(ข) ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จะรับได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการที่มูลค่าของหุ้น PRI ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ ณ ปัจจุบัน จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าเพิ่มของธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ แก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจรซึ่งอาจมีมูลค่าสูงขึ้นตามราคาตลาด
ประโยชน์ต่อ ORI
(ก) ลดภาระของบริษัทฯ ในการสนับสนุนด้านเงินทุน เนื่องจาก PRI จะสามารถระดมทุนได้เองผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และอาจสามารถระดมทุนด้วยเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ผ่านช่องทางตลาดทุน หรือช่องทางอื่น
ด้วยเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการลงทุนขยายกิจการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้กิจการเติบโต หรือขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขยายธุรกิจในเชิงรุก เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่เป็นไปตามปกติของธุรกิจ (Organic Growth) และการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Inorganic Growth)
(ข) บริษัทฯ จะมีการแยกโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการ การพัฒนา และการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตของธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ แก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร มีความชัดเจน และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น สามารถสร้างมาตรฐาน และรูปแบบการบริการแก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร (One Stop Service)
(ค) การเพิ่มทุนของ PRI และการที่ PRI จะสามารถระดมทุนได้เองผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และอาจสามารถระดมทุนด้วยเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ ผ่านช่องทางตลาดทุน หรือช่องทางอื่น จะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทโดยรวมดีขึ้น เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการและขยายธุรกิจได้เพิ่มขึ้น
(ง) ราคาหุ้นของบริษัทฯ อาจสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของเงินลงทุนใน PRI ได้มากขึ้นตาม เนื่องจากมีราคาตลาดอ้างอิงสำหรับหุ้น PRI
ประโยชน์ต่อ PRI
(ก) การนำ PRI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นการเพิ่มช่องทางระดมทุนให้กับ PRI เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนขยายกิจการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้กิจการเติบโต หรือขยายตัวได้อย่างรวดเร็วโดย PRI สามารถระดมทุน และเข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขยายธุรกิจในเชิงรุก เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่เป็นไปตามปกติของธุรกิจ (Organic Growth) และการเติบโตแบบก้าวกระโดด (Inorganic Growth)
(ข) PRI จะได้รับเงินทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายกิจการรวมถึงการประกอบธุรกิจ และการดำเนินการอื่นที่จำเป็น (ตามข้อ 9.)
(ค) บริษัทฯ จะมีการแยกโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการ การพัฒนา และการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตของธุรกิจมีความชัดเจน และคล่องตัวมากยิ่งขึ้น สามารถสร้างมาตรฐาน และรูปแบบการบริการแก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวข้องแบบครบวงจร (One Stop Service)
(ง) ส่งเสริมชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของ PRI ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น เพิ่มโอกาสในการเพิ่มฐานลูกค้ารวมไปถึงเพิ่มโอกาสในการแสวงหาบุคลากรและ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ แก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร
(จ) ภายหลังการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ราคาหุ้น PRI จะสะท้อนปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจของ PRI ได้ชัดเจนขึ้น หุ้นของ PRI จะมีสภาพคล่องและตลาดรองรับในการซื้อขายหุ้น รวมทั้งมีราคาตลาดอ้างอิงสำหรับการซื้อขายหุ้น
(ฉ) PRI จะสามารถดึงดูดนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ แก่กลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มลูกค้าที่เกี่ยวเนื่องแบบครบวงจร
ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 101 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 1/2565) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN), ดิ ออริจิ้น (The Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 154,100 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ 4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร