“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” เปิดตัวหุ้นกู้ชุดใหม่ 4 รุ่น อายุ 1–4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.00–4.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน พร้อมเสนอขาย 29–31 ส.ค. นี้ ผ่าน 8 สถาบันการเงิน อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้และบริษัท “BBB+/Stable” โดยทริสเรทติ้ง ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งเจ้าตลาดคอนโดฯ ปี 65 สานต่อแผน Origin Multiverse ปูทางสู่ธุรกิจใหม่จับกระแสเมกะเทรนด์ พร้อมเดินหน้าแผน Spin Off ส่งบริษัทย่อยเข้าตลาดหลักทรัพย์ นำร่องดัน “พรีโม” หรือ PRI เข้า IPO
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) ซึ่งขณะนี้ได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นกู้ที่ออกจำหน่ายครั้งนี้ แบ่งเป็น 4 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.00% ต่อปี รุ่นอายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.95% ต่อปี และรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจและขยายกิจการของบริษัทต่อไป
หุ้นกู้ของบริษัทพร้อมเสนอขายระหว่างวันที่ 29–31 ส.ค. 2565 ผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายทั้ง 8 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด ผ่านช่องทางการจองซื้อที่หลากหลายทั้งสาขา ระบบออนไลน์ โทรศัพท์บันทึกเทป (Phone sales) และแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ รายละเอียดเป็นไปตามที่สถาบันการเงินที่จัดจำหน่ายหุ้นกู้ครั้งนี้กำหนด
ขณะเดียวกัน หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565 ที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ซึ่งเป็นระดับลงทุนได้หรือ Investment Grade เนื่องจากออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้นำในพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทมีโครงสร้างธุรกิจหลากหลายประกอบด้วย
1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 105 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2565) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin), โซ ออริจิ้น (So Origin), ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ (Origin Plug & Play), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ออริจิ้น เพลส (Origin Place), ดิ ออริจิ้น (The Origin), เคนซิงตัน (Kensington), แฮมป์ตัน (Hampton), ออริจิ้น เพลย์ (Origin Play), บริกซ์ตัน (Brixton) และ บริทาเนีย (Britania) รวมมูลค่าโครงการกว่า 161,500 ล้านบาท
2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก
3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และ
4.ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ธุรกิจพลังงาน ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2565 ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ได้ดำเนินแผนธุรกิจภายใต้แนวคิด Origin Multiverse หรือแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล เดินหน้าเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมมากที่สุดในตลาดอสังหาริมทรัพย์ถึง 19 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 28,600 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถขึ้นสู่ตำแหน่ง “เจ้าตลาดคอนโดฯปี 65” โดยใช้กลยุทธ์บุกทุกเซ็กเมนต์ราคาและไลฟ์สไตล์ ด้วยการพัฒนาแบรนด์ใหม่ ปรับฟังก์ชันและดีไซน์ให้เข้ากับแต่ละทำเลเพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคที่มีความเฉพาะตัวมากขึ้น อาทิ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นสตาร์ทอัพ กลุ่มคนรักสัตว์ (Pet Lover) กลุ่มนักศึกษาและคนทำงานมหาวิทยาลัย กลุ่มนักลงทุน และกลยุทธ์บุกทำเลรถไฟฟ้าทั้งสายปัจจุบันและอนาคต ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ควบคู่กับการเจาะทำเลศักยภาพสูงอย่างโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทำให้บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภคทุกวัย จนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีตลอดมา
นอกจากนี้ บริษัทยังขยายการเติบโตสู่ธุรกิจใหม่ นอกเหนือจากธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ อาทิ ธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) ทั้งโลจิสติกส์ เฮลท์แคร์ ประกันภัย พลังงาน การเงิน ร้านอาหาร กัญชง รวมถึงธุรกิจอื่นในอนาคตที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม และสร้างการเติบโตแบบคู่ขนานให้แต่ละบริษัทย่อยสามารถเติบโตด้วยตัวเอง เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามแผน Spin–Off นำโดยบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ซึ่งบริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนเพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา
“เราเชื่อมั่นว่าการเสนอขายหุ้นกู้ทั้ง 4 รุ่นของเราจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะหุ้นกู้ ORI ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่มองหาโอกาสลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยผู้ออกหุ้นกู้ที่มีความมั่นคง มีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ Investment grade สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจตลอดการถือครอง” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท โดยจะเสนอขายระหว่างวันที่ 29–31 ส.ค. 2565 และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ดังนี้
1. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02–111–1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/)
2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)(โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่านwww.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02–888–8888 กด 819
3. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application – CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 02–626–7777
4. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ โทร. 1428 กด#4 (เปิดจองซื้อเฉพาะผู้ลงทุนรายใหญ่เท่านั้น)
5. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขาย) โทร. 02–165–5555
6. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02–680–4004
7. บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02–009–8351–56
8. บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02–687–7159
Related