- โซลูชัน Visa Eco Benefits ใหม่ของวีซ่าช่วยให้ผู้ถือบัตรเข้าใจถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากการใช้จ่ายผ่านบัตร
- เกินครึ่งของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกจะเปลี่ยนไปใช้บริการธนาคารที่มีผลิตภัณฑ์ซึ่งช่วยคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์
วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก ประกาศเปิดตัว Visa Eco Benefits โซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืนของวีซ่าในเอเชียแปซิฟิก ที่จะช่วยให้ผู้ถือบัตรวีซ่าเข้าใจถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการชำระเงินได้มากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้สามารถคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการทำธุรกรรมผ่านบัตรวีซ่า และเลือกกิจกรรมการชดเชยคาร์บอน (carbon offsetting) หรือเลือกบริจาคเพื่อการกุศล ผ่านเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันของธนาคารที่ใช้บริการได้
สถาบันทางการเงินในเอเชียแปซิฟิกที่เข้าร่วมโปรแกรม Eco Benefits ของวีซ่าจะสามารถนำเสนอโซลูชันนี้ให้กับผู้ถือบัตร เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการให้มีผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินเพื่อความยั่งยืนมากขึ้น โดยจากการศึกษาล่าสุดของวีซ่าและ YouGov พบว่า 66% ของผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกคาดหวังให้ธนาคารที่พวกเขาใช้บริการนำเสนอโซลูชันการชำระเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการศึกษาในครั้งนี้พบว่าเกินครึ่ง (52%) ของผู้บริโภค จะเปลี่ยนไปใช้บริการธนาคารอื่นเพื่อให้เข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยให้พวกเขาทราบถึงปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการใช้จ่ายของพวกเขา
คริส คลาร์ก ประธานบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก วีซ่า กล่าวว่า “ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก (78%) บอกว่าพวกเขาสนใจที่จะใช้จ่ายในแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย หากได้ตระหนักถึงคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดขึ้น พันธมิตรของเราทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไม่ว่าจะเป็นธนาคารและฟินเทค สามารถเพิ่มฟีเจอร์เพื่อความยั่งยืนเหล่านี้ได้ในบัตรวีซ่าที่มีอยู่ขณะนี้ ซึ่งโซลูชัน Eco Benefits เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าวีซ่าเป็นมากกว่าเครือข่ายการชำระเงิน และยังสามารถนำเสนอข้อมูลเชิงลึกด้านพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคให้กับพันธมิตรของเรา”
โซลูชันของ Visa Eco Benefits มีอาทิ:
- เครื่องคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์: ระบบประมวลผลโดย Verrency เพื่อให้ผู้ถือบัตรทราบถึงปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการใช้จ่าย
- กิจกรรมการชดเชยคาร์บอน: ผู้ถือบัตรสามารถเลือกกิจกรรมการชดเชยปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากโครงการพิเศษต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างการปลูกป่า และการใช้พลังงานสะอาด
- การบริจาคเงินเพื่อการกุศล: ผู้ถือบัตรสามารถเลือกบริจาคเงินให้องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมเมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่า
- วัสดุผลิตบัตร ”สีเขียว”: บัตรชำระเงินที่ทำจากวัสดุที่ยั่งยืน
- การให้ความรู้แก่ผู้ถือบัตร: ผู้ถือบัตรสามารถเข้าถึงเกร็ดความรู้ และข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เยอโรน ฟาน ซอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลกของ Verrancy กล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายด้านอุปโภคบริโภคในครัวเรือนสำหรับการซื้อสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ถือเป็นหนึ่งในตัวการใหญ่ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก ซึ่งนี่คือโอกาสที่เราในฐานะผู้บริโภคจะได้เริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดในชีวิตประจำวัน และเริ่มต้นใช้ชีวิตที่คาร์บอนเป็นศูนย์ ที่ผ่านมาลูกค้าไม่มีเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงกิจกรรมในการชดเชยคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างจริงจัง แต่ดัชนีการจัดการด้านคาร์บอน (Carbon Action Index) ของ Verrancy จะเป็นตัวเปลี่ยนเกม ช่วยให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ได้เพียงแค่ใช้บัตรของวีซ่า”
Visa Eco Benefits เป็นการต่อยอดปณิธานของวีซ่าทั่วโลกที่ต้องการเป็นองค์กรที่ช่วยในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลก (climate positive) ผ่านการใช้ผลิตภัณฑ์ บริการ ข้อมูล เครือข่าย และแบรนด์วีซ่า เพื่อผลักดันให้เกิดการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน พร้อมสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เมื่อปี พ.ศ. 2564 วีซ่าได้ประกาศคำมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2583 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Climate Agreement) ถึงสิบปี
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพันธกิจเพื่อความยั่งยืนของวีซ่าได้ที่ visa.com/ESG