แม้โลก Analog จะถูกดิสรัปท์ด้วยเทคโนโลยี Digital ไปแล้ว แต่ทว่าการตรวจวัดสายตาเพื่อตัดเลนส์แว่นตากลับยังใช้วิธีแบบเดิมมากว่า 100 ปีด้วยหน่วยวัด 0.25dioptre หรือ ที่คุ้นเคยค่าสายตาสั้น/ยาวที่ 25 – 50 – 75 เป็นต้น ทั้งนี้ผลวิจัยของประเทศสิงคโปร์พบว่า 95% ของผู้สวมใส่แว่นตาสามารถรับรู้ถึงความแตกต่างของค่าสายตาที่ละเอียดได้ถึง 0.05D แต่เนื่องด้วยยังไม่มีเทคโนโลยีตรวจวัดสายตาที่ไปถึงจึงทำให้การวัดสายตาทั่วไปถูกวัดให้ใกล้เคียงกับความละเอียดที่ 0.25D แทนที่จะเป็นค่าสายตาที่แท้จริง เป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคที่สวมแว่นตามีอาการตาล้า โฟกัสไม่ชัด ปวดหัวเนื่องจากการสวมใส่แว่นสายตาเป็นระยะเวลานาน
แต่ล่าสุด Nikon ผู้บุกเบิกนวัตกรรมด้าน ‘เลนส์ที่สุดแห่งความแม่นยำด้านการมองเห็น’ อาทิ อุปกรณ์ถ่ายภาพ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์การแพทย์ไปจนถึงอุปกรณ์สำรวจทางวิทยาศาตร์ทางทะเลและอวกาศ ซึ่งเข้าสู่วงการผลิตเลนส์แว่นตา ในปี 1946 ในชื่อ Nikon Lenswear ได้ปฏิวัติวงการตรวจวัดสายตา ด้วยการได้นำองค์ความรู้การพัฒนาเลนส์อันล้ำสมัยมาผนวกเข้ากับเทคโนโลยีล่าสุดในการวัดค่าสายตาจนออกมาเป็นเลนส์ ‘อายคิวราซี’ (EYECURASEE™ ) เปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อปี 2019 และในปี 2022 นี้ประเทศไทยได้เปิดตัวเป็นประเทศที่ 2 ในทวีปเอเชีย และเป็นประเทศแรกในอาเซียน! เพื่อส่งมอบประสบการณ์การมองเห็นที่เหนือกว่าเดิมให้ผู้บริโภค
นายทฤษฎี ตุลยอนุกิจ Managing Director of Indochina กล่าวว่า “EssilorLuxottica ประเทศไทย เห็นแนวโน้มของเลนส์แว่นตาที่ความแม่นยำสูงในระดับ 0.01dioptre แบบเลนส์ ‘อายคิวราซี (EYECURASEETM)’ จะเป็นมาตรฐานใหม่ (NewStandard) ของเลนส์แว่นตาในอนาคต และจะค่อยๆ Disrupt รูปแบบการวัดสายตาและตัดแว่นที่บังคับให้ผู้บริโภคต้องใส่แว่นตาที่ไม่ใช่ค่าสายตาของตัวเอง
ตัวอย่างเช่น ในอดีต หากคุณสายตาสั้น 239 ร้านตัดแว่นจะเลือกแว่นให้คุณที่ความสั้น 225 หรือไม่ก็ 250 ซึ่งนั่นทำให้สุดท้ายสายตาผู้บริโภคต้องทำงานหนักเพราะต้องเพ่งตามค่าที่ไม่ใช่ค่าสายตาจริง เป็นสาเหตุให้สายตาล้า ไม่โฟกัส ปวดหัว ปวดคอ เป็นต้น แต่หากตรวจวัดสายตาจากเครื่องตรวจของ EssilorLoxottica เพื่อตัดเลนส์ ‘อายคิวราซี’ ผู้บริโภคจะได้แว่นสายตาตามค่าสายตาจริง ทำให้สบายตา ไม่ปวดหัวยกระดับคุณภาพชีวิตทำให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้น”
การตรวจวัดสายตาเพื่อตัดเลนส์อายคิวราซี (EYECURASEE™) จะใช้เครื่องVision-R™800 ซึ่งเป็นเครื่องวัดสายตาแบบดิจิตอลที่มีเทคโนโลยีตรวจวัดที่ล้ำสมัยที่สุดในโลกสามารถวัดค่าสายตาของผู้สวมใส่ได้แม่นยำให้ความละเอียดสูงสุดถึง25 เท่าตามการออกแบบที่สอดคล้องกับหลักสรีรศาสตร์ มุมมองผ่านอุปกรณ์นี้กว้างขวางกว่าโฟร็อปเตอร์ซึ่งเป็นอุปกรณ์วัดสายตาที่ใช้เป็นมาตรฐานทั่วไป ส่งผลให้การตรวจวัดสายตาใกล้เคียงกับการมองตามธรรมชาติอีกทั้งการเปลี่ยนค่าต่างๆ จะเป็นไปอย่างไร้รอยต่อผู้ถูกตรวจจึงรู้สึกสบายกว่าเครื่องตรวจวัดสายตาทั่วไปทำให้ได้ข้อมูลถูกต้องแม่นยำสะดวกสบายสำหรับทั้งผู้ทำหน้าที่วัดค่าสายตาและผู้สวมใส่ให้ประสบการณ์การวัดสายตาที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
นอกจากการวัดค่าสายตาแล้ว NikonLenswear ได้พัฒนาเลนส์คุณภาพหลายรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป้าหมายคือให้เลนส์ทุกคู่ลงตัวกับแต่ละบุคคลอย่างเหมาะสมเพื่อประสบการณ์ที่ดีสุดด้วยเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในเลนส์โปรเกรสซีฟดังนี้
- NIKON OPTICAL DESIGN ENGINE – ระบบคำนวณอัจฉริยะ ช่วยปรับปรุงเลนส์ทุกชิ้นให้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นค่าสายตาหรือข้อมูลจากการตรวจวัดเฉพาะบุคคล
- FRAME SHAPE OPTIMIZATION – ปรับปรุงการบิดเบือนของแสงที่ยังหลงเหลืออยู่ให้สัมพันธ์กับรูปทรงกรอบแว่น พื้นที่เลนส์ที่ใช้งานได้จริงจึงเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ คมชัดอย่างสูงสุดในทุกกรอบแว่น
- INSIGHT TECHNOLOGY – การออกแบบร่วมกันกับผู้สวมใส่เลนส์ บนพื้นฐานของโครงสร้างพิเศษเฉพาะ 3รูปแบบ ได้แก่ การใช้งาน ความชอบ และพฤติกรรมการมอง
- VIEWFIT TECHNOLOGY – เทคโนโลยีที่ทำให้เลนส์กับกรอบแว่นเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการคำนวณค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่นตา
- Wrap angle–ความโค้งแนวนอนของกรอบแว่น
- Pantoscopic tilt – มุมลาดเทหน้าแว่น
- V.D – ระยะห่างระหว่างผิวเลนส์ถึงกระจกตา
ปัจจุบัน ในประเทศไทยมีเครื่อง Vision-R™800 ทั้งหมด 18 เครื่อง ติดตั้งในร้านแว่นตาชั้นนำในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยมีเป้าหมายการนำเข้าเครื่องVision-R™800 มายังประเทศไทยอยู่ที่ปีละ 12 เครื่อง หรือ เฉลี่ยเดือนละ 1 เครื่อง ค่าใช้จ่ายตกเครื่องละ 2 ล้านบาท ทั้งนี้เนื่องจากโรงงานผลิตเครื่องมือมีแห่งเดียวในประเทศฝรั่งเศส ซึ่ง capacity การผลิตและยอดจองปัจจุบันซึ่งได้รับความนิยมมากในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้เครื่อง Vision-R™800 มีจำนวนจำกัด
“ในโลกนี้ยังไม่มีคู่แข่งที่สามารถผลิตเครื่องตรวจวัดสายตาที่สามารถวัดความละเอียดได้ 0.01 diopter อย่างเครื่อง Vision-R™800“ และเลนส์แว่นตาตามค่าสายตาอย่าง Nikon Lenwear ‘อายคิวราซี’ เราจึงเป็นผู้นำทั้งตลาดเลนส์และกรอบแว่นตาแฟชั่น โดยมี revenue อยู่ที่ 25,000 ล้านดอลล่าร์ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก
สำหรับ มูลค่าตลาดธุรกิจแว่นตาในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 16,000-17,000 ล้านบาท โดยอัตราเติบโตในช่วงก่อนวิกฤตไวรัสโควิด-19 อยู่ที่เฉลี่ยปีละ 15% และช่วงยุคหลังโควิดอยู่ที่ 5% ซึ่งยังเป็นทิศทางที่ดีและที่ผ่านมาแม้จะเจอปัญหาโควิดเช่นเดียวกับธุรกิจอื่นๆ แต่ธุรกิจแว่นตาและเลนส์ก็มีการปรับตัว เช่นการลงทุนในเครื่องVision-R™800 ของร้านแว่นตาก็จะเป็นการสร้างความแตกต่างจากร้านแว่นอื่นๆที่ไม่ได้ลงซึ่งในประเทศไทยมีร้านแว่นตากว่า 5,000-6,000 ร้าน การมอบประสบการณ์ตรวจวัดสายตาด้วยระบบ AI ที่ให้ความแม่นยำ การให้บริการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ/นักทัศนมาตร และการยกระดับคุณภาพสินค้า เช่นการแนะนำเลนส์อายคิวราซี จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความประทับใจและยกระดับคุณภาพการมองเห็นของผู้บริโภค
ได้เหนือกว่าที่เคย”นายทฤษฎี กล่าวทิ้งท้าย
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจวัดสายตาเพื่อตัดเลนส์อายคิวราซีได้ ณ ร้านแว่นตาชั้นนำทั่วไป หรือ ที่ https://shorturl.asia/O50Jv โดยค่าใช้จ่ายในการตัดเลนส์อสยคิวราซีจะมากกว่าการตัดเลนส์ทั่วไปเพียง 2,000-3,000 บาท