อิมแพ็ค เคเทอริ่ง ปรับกลยุทธ์ รับโอกาสธุรกิจจัดเลี้ยงนอกสถานที่ฟื้นตัว ลุยจับมือพาร์ทเนอร์-อัดแพ็กเกจจูงใจ ราคาเริ่ม 9,900 บาท เจาะลูกค้าทุกเซกเมนต์

อิมแพ็ค เคเทอริ่ง ปรับกลยุทธ์รับโอกาสธุรกิจรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ฟื้นตัว หลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่รูปแบบจัดงานเปลี่ยน จัดงานเล็กลง จำกัดคนเข้าร่วมงาน เดินหน้าจับมือพาร์ทเนอร์ พัฒนาบริการรูปแบบใหม่ๆ บริหารพื้นที่ศูนย์อาหาร ชูแพ็กเกจจูงใจ ราคาเริ่ม 9,900 บาท หวังขยายฐานลูกค้าใหม่ทุกเซกเมนต์ ทั้งหน่วยงานราชการ เอกชน และลูกค้าทั่วไป

นายลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ให้บริการธุรกิจรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ “อิมแพ็ค เคเทอริ่ง”  กล่าวว่า หลังรัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้การจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่โดยรวมทั่วประเทศเริ่มกลับมาคึกคัก ธุรกิจรับจัดเลี้ยงก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้น  โดยหลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้รูปแบบการจัดงานเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ซึ่งผู้จัดงานส่วนใหญ่นิยมจัดงานขนาดเล็ก แต่ความถี่การจัดงานเพิ่มขึ้น โดยเน้นจัดงานในสถานที่ปิด จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน เช่น การจัดงานแต่งงานที่บ้าน ที่พักอาศัย งานเลี้ยงภายในองค์กรก็ใช้สถานที่ในบริษัท เป็นต้น  โดยในส่วนของอิมแพ็ค เคเทอริ่งก็มีจำนวนงาน และรายได้ ขยายตัวขึ้นอย่างชัดเจน

“หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลายขึ้น ธุรกิจรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ก็กลับมาเติบโต เพราะตลาดยังมีความต้องการ มีกำลังซื้ออยู่ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่สามารถจัดงานได้ เมื่อสถานการณ์โควิด-19คลี่คลาย จำนวนการจัดงานก็เพิ่มขึ้น ทั้งการจัดการจัดงานแต่งงาน งานทำบุญ งานเลี้ยงสังสรรค์ต่างๆ แต่รูปแบบการจัดงานและความต้องการอาจจะเปลี่ยนไป ซึ่งในมุมของผู้ประกอบการธุรกิจรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ก็ปรับตัวต่อเนื่องทุกมิติ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับความสะอาดความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่ง อิมแพ็ค เคเทอริ่ง ได้รับรองมาตรฐานระบบการจัดการความปลอดภัยด้านอาหาร ISO 22000”

อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น อิมแพ็ค เคเทอริ่ง จึงต้องปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์และความต้องการที่เปลี่ยนไป  ได้แก่ 1.ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างบริการรูปแบบใหม่ และขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้จับมือร่วมกับสายการบิน นำอาหาร เครื่องดื่ม เข้าไปให้บริการแก่พนักงาน และผู้โดยสารของสายการบิน เป็นต้น และอนาคตเตรียมจะจับมือกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ในทุกกลุ่มมากขึ้น 2.การบริหารจัดการพื้นที่ศูนย์อาหาร (Food Court  Management) ให้กับหน่วยงานราชการ และ 3.การเพิ่มความหลากหลายให้แก่แพ็คเกจการให้บริการให้ครอบคลุมทุกความต้องการ เพื่อขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชน หน่วยงานราชการ และกลุ่มลูกค้าทั่วไป

สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กรเอกชน หน่วยงานราชการ จะเน้นการรับงานรูปแบบการจ้างเหมาเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project) โดยอิมแพ็ค เคเทอริ่ง จะทำหน้าที่ในการออกแบบงานให้สอดรับความต้องการและงบประมาณที่กำหนด เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้จัดงาน เช่น การนำอาหารเครื่องดื่มเข้าไปให้บริการแก่แบรนด์ไฮเอ็นด์ในงานเปิดตัวสินค้าที่เป็นเอ็กซ์คลูชีพอีเวนต์ เป็นต้น ส่วนลูกค้าทั่วไป ก็วางราคาให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยการเปิดตัวแพ็กเกจงานบุญ ในราคาเริ่มต้นเพียง 9,900 บาท (รวมอุปกรณ์สงฆ์ การนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ หรือผู้ชำนาญการทางด้านการประกอบพิธีสงฆ์ อุปกรณ์โต๊ะ เก้าอี้ ดอกไม้ประดับตกแต่ง บุฟเฟ่ต์อาหาร) ซึ่งที่ผ่านมาก็มีฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้งกลุ่มหน่วยงานราชการและลูกค้าทั่วไปเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้จะเดินหน้าโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางทั้งสื่อออฟไลน์ ออนไลน์ และ อินฟลูเรนเซอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ อิมแพ็ค  เคเทอริ่งเพิ่มขึ้น

“อิมแพ็ค เคเทอริ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจรับจัดเลี้ยงมากกว่า 30 ปี ประกอบกับ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ ก็มีร้านอาหารในเครือมากถึง 19 แบรนด์ครอบคลุมทุกประเภทอาหาร ทั้งอาหารจีน อาหารนานาชาติ อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น ร้านกาแฟ รวมถึงใช้ผัก ผลไม้ออร์แกนิก จากโครงการอิมแพ็ค ฟาร์ม เป็นวัตถุดิบในการรังสรรค์เมนูทางเลือกด้วย ทำให้ อิมแพ็ค เคเทอริ่ง สามารถออกแบบเมนูอาหารให้สอดรับกับความต้องการและงบประมาณของลูกค้าได้”

นายลอย กล่าวว่า ผลจากการเดินหน้าธุรกิจรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่เชิงรุกมากขึ้น จะทำให้ อิมแพ็ค เคเทอริ่ง มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลุกค้าองค์กร หน่วยงานราชการและลูกค้าทั่วไป โดยตั้งเป้าหมายว่าสิ้นปี2565 อิมแพ็ค เคเทอริ่ง จะเติบโต  75% เมื่อเทียบกับปี 2561